เศรษฐกิจ
สรท.ชี้โควิด-19 ฉุดส่งออกไทยไปจีนเดือน ก.พ. ลดลงร้อยละ75
น.ส.กัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า การส่งออกเมื่อสิ้นเดือน ม.ค. 2563 ขยายตัวที่ร้อยละ 3.35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากหักทองคำและน้ำมันออกไปการส่งออกเดือนที่ผ่านมาถือว่า ติดลบร้อยละ 0.5
สำหรับสถานการณ์ส่งออกในระยะข้างท่ามกลางปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 สรท. ประเมินว่า ในกรณีเลวร้ายที่สุด โควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเดือน ก.พ. มากถึงร้อยละ 75 และกระทบเดือน มี.ค. ร้อยละ 45 ขณะที่ เม.ย.-มิ.ย. มีผลกระทบร้อยละ 25 และจากการประเมินบนสมมติฐานนี้ จึงทำให้คาดว่า ภาวะการส่งออกในไตรมาส 1/2563 จะติดลบร้อยละ 3.6 ไตรมาส 2/2563 ส่งออกติดลบร้อยละ 2.9 และทำให้ครึ่งแรกของปีนี้ ส่งออกติดลบร้อยละ 3.3
อย่างไรก็ตาม สรท. ยังคงประมาณการส่งออกปี 2563 ตามที่ประเมินเมื่อต้นปีไว้ที่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 1 และเชื่อว่า สถานการณ์จะแย่ที่สุดในเดือน ก.พ. แล้วค่อยๆ ฟื้นขึ้น หากสถานการณ์ต่างๆ ไม่ดีขึ้น มีโอกาสที่การส่งออกปีนี้ จะอยู่ที่ติดลบร้อยละ 1 ถึงติดลบร้อยละ 1.5 ก็เกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ สรท.จึงมีข้อเสนอแก่ภาครัฐ ดังนี้ 1.ให้พิจารณาการสนับสนุนการพักหนี้เป็นเวลา 12 เดือน แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปจีนสะดุด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกผักผลไม้ อุตสาหกรรมยางพารา 2.ให้ขยายเวลาสำหรับแพกกิ้งเครดิต (สินเชื่อที่มีใบคำสั่งซื้อหรือสัญญาซื้อขายกำกับ) เป็นระยะเวลา 12 เดือน 3.การยกเว้นภาษีสรรพสามิต ภาษี หัก ณ ที่จ่ายสำหรับผู้ประกอบการ 4.การชะลอขึ้นภาษีใหม่บางประเภท เช่น ภาษีความเค็มในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว
5.การเร่งรัดจัดกิจกรรมเพิ่มการบริโภคในประเทศเพื่อช่วยผู้ประกอบการให้สามารถกระจายสินค้าภายในประเทศมากขึ้น ในภาวะที่การส่งออกชะลอตัว 6.รวมถึงการขอให้ภาครัฐเจรจากับอาลีบาบารับซื้อสินค้าของผู้ค้าไทย เพื่อนำไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบาและเถาเป่า เหมือนที่เคยทำมาในปีที่ผ่านมา ที่มีคำสั่งซื้อทุเรียนมากถึง 8 หมื่นลูก เพื่อนำไปจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มอาลีบาบาในปีที่ผ่านมา และ 7.การแก้ปัญหาเรือความแออัดของท่าเรือ การกำกับสายการเดินเรือ การจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น ส่วนประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้มีอัตราอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าอ่อนค่ากว่าช่วงปีที่ผ่านมาร้อยละ 1-1.2 แต่เงินบาทก็ยังมีทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ดังนั้น สรท. จึงเห็นว่า ระดับอัตราแลกเปลี่ยนที่จะสามารถทำให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ควรอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
- กัญญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
"ต้องทำให้ค่าเงินบาทอยู่ในภาวะสมดุล ทำให้แข่งขันได้ อีกด้านหนึ่งตามข้อมูลที่มีในขณะนี้ ทางการจีนเข้มงวดสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จนถึงเวลานี้ การแพร่ระบาดในจีนเริ่มมีอัตราลดลง มีผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น และกรณีการเสียชีวิตเริ่มลดลง ดังนั้นจึงแนะนำผู้ประกอบการส่งออกวางแผนการผลิตเพื่อทดแทนช่วงฟื้นฟู ซึ่งเชื่อว่า จีนจะมีความต้องการสินค้าอีกหลายรายการทดแทนยอดที่หายไปก่อนหน้านี้" น.ส.กัญญภัค กล่าว
ส่งออกไทยไปจีนเดือน ก.พ.ลดลงร้อยละ 75 ผักผลไม้-ดอกไม้กล้วยไม้กระทบหนัก
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศ (สรท.) กล่าวว่า ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สินค้าส่งออกที่ยังเติบโตได้ดีคืออัญมณีและเครื่องประดับและจากสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้ดันให้มูลค่าการส่งออกเครื่องประดับจากทองคำเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่การส่งออกข้าว มันสำปะหลัง ยังไม่ดีขึ้น
"การระบาดของโควิด-19 มีผลให้การส่งออกของไทยไปจีนในเดือน ก.พ. ลดลงร้อยละ 75 หรือมีผลต่อเม็ดเงินส่งออกถึง 1,500-1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 46,500 -52,700 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ยอดส่งออกไทยไปจีนมีมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 66,000 ล้านบาท โดยจีนเป็นตลาดส่งออกที่มีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 12 ของการส่งออกของไทยไปต่างประเทศทั้งหมด" นายวิศิษฐ์ กล่าว
- วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศ
ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้การส่งสินค้าทางเรือจากไทยไปจีน ในเวลานี้หยุดชะงัก หรือ รับได้เพียงร้อยละ 50 ดังนั้น หากหลังจากนี้ สามารถส่งสินค้าไปได้ร้อยละ 85 ก็คาดว่าปัญหาสินค้าที่ค้างที่ท่าเรือที่ไทยที่ยังส่งออกไปจีนไม่ได้ ปัญหาไม่มีตู้ Reefer หรือตู้ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งกระทบกับสินค้าส่งออกประเภทผักผลไม้ ดอกไม้ กล้วยไม้ไปจีน ก็จะลดลงด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
