สำนักข่าว BBC รายงานว่า อัยการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากจีนอย่างหัวเว่ยเพิ่มเติมในข้อหาการฉ้อโกง การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเทคโนโลยีและข้อมูลทางการค้าซึ่งเป็นข้อมูลลับของบริษัทสัญชาติอเมริกัน ซึ่งอัยการผู้ส่งฟ้องระบุว่าบริษัทหัวเว่ยทำการละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ โดยได้ทำการยื่นฟ้องต่อศาลกลางในเขตบรูคลินของนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2020
การยื่นฟ้องเพิ่มเติมในครั้งนี้ ทางการสหรัฐฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลอีกชุดที่เป็นหลักฐานชี้ว่าหัวเว่ยมีพฤติกรรมละเมิดข้อตกลงกับสหรัฐฯ ในการแอบทำธุรกิจกับทั้งเกาหลีเหนือและอิหร่าน พร้อมทั้งระบุว่าบริษัทหัวเว่ยได้ทำการเสนอจ่ายโบนัสเพิ่มให้กับพนักงานของตนที่สามารถลักลอบเก็บข้อมูลลับของบริษัทเทคโนโลยีคู่แข่งมาได้อีกด้วย
จากการกระทำดังกล่าวนี้เอง ทำให้หัวเว่ยสามารถที่จะลดต้นทุนในการทำงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่ามหาศาลไปได้อย่างมาก พร้อมทั้งยังสร้างผลกำไรให้กับบริษัทอย่างประเมินค่ามิได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งต่อการแข่งขันในอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยกล่าวว่าทางการสหรัฐฯ จงใจที่จะมุ่งเป้าโจมตีมาที่บริษัทหัวเว่ยและต้องการทำลายชื่อเสียงของบริษัทไม่ใช่เพราะต้องการดำเนินคดีทางกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นเพราะเหตุผลทางธุรกิจที่ว่า การเติบโตของหัวเว่ยสร้างความเสี่ยงให้กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้คือการสั่งฟ้องเพิ่มเติม หลังจากที่ในเดือน ม.ค. 2019 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องหัวเว่ยไปแล้วข้อหาอาญาหลายกระทง รวมถึงยื่นฟ้อง นางเมิ่งหว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยที่ตอนนี้ถูกจับกุมอยู่ที่แคนาดาด้วย โดยข้อหาที่หัวเว่ยและเมิ่งหว่านโจวถูกยื่นฟ้อง มีทั้ง การฉ้อโกง การละเมิดมติคว่ำบาตรอิหร่าน การขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และการขโมยเทคโนโลยี จากบริษัท ที โมไบล์ ในสหรัฐฯ รวมข้อกล่าวหาทั้งหมด 23 กระทง ซึ่งทางหัวเว่ย และ เมิ่งหว่านโจว ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
การเดินหน้าฟ้องบริษัทหัวเว่ยต่อในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ จะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ซึ่งนั่นยิ่งสร้างความตึงเครียดที่มากขึ้นให้กับความสัมพันธ์ทางการค้าและการทูตระหว่างจีนและสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯ จะยืนยันว่าหัวเว่ยละเมิดข้อตกลงและอาจใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี 5G ของตนสอดแนมข้อมูลลับจากรัฐบาลของนานาชาติ รัฐบาลของอังกฤษมีความเห็นไปในทางตรงกันข้าม เพราะนอกจากจะไม่แบนเทคโนโลยีของหัวเว่ยตามที่สหรัฐฯ ร้องขอแล้ว ยังประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะเดินหน้าใช้เทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ยต่อภายใต้การตรวจสอบอย่างรัดกุมของรัฐบาลอังกฤษ