พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคประมงทะเล ณ ห้องประชุม ประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยที่ประชุมได้พิจารณาถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคประมงทะเล ผลกระทบ และแนวทางการจัดการแรงงานภาคประมงทะเล ด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และด้านอื่น ๆ พร้อมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ
โดย พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า จากตัวเลขความต้องการแรงงานภาคประมงในประเทศไทย ซึ่งอยู่ที่ 53,000 คน โดยกระทรวงแรงงานได้หารือเพื่อเตรียมมาตรการในการจัดหาแรงงานภาคประมงและมาตรการดูแล อาทิ การอนุญาตให้แรงงานภาคประมงจำนวนประมาณ 11,000 คน ที่จะสิ้นสุดอายุการทำงานที่ประเทศไทย ในเดือน ก.ย. นี้ ให้สามารถอยู่ทำงานต่อได้ โดยจะต้องมารายงานตัวเพื่อขออนุญาตทำงานต่อ ระหว่างวันที่ 20 ส.ค. – 30 ก.ย. 2561 ซึ่งจะสามารถอยู่ต่อได้อีก 1 – 2 ปี ส่วนอีกประมาณ 42,000 คนที่ขาดนั้นเตรียมจะนำเข้าโดยวิธี MOU จาก 4 ประเทศ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเจรจากับประเทศต้นทาง
พล.ต.อ.อดุลย์ฯ กล่าวว่า ขอเวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อตกผลึกในรายละเอียด พร้อมย้ำสำหรับสิทธิประโยชน์ในการดูแลแรงงานภาคประมง จะต้องดำเนินการให้เกิดความเหมาะสม ส่วนความคืบหน้าการให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานประมง C188 นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ได้คำนึงถึงความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของการทำการประมง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการตามขั้นตอน ค่อยเป็นค่อยไป โดยรับฟังความคิดเห็นผู้ที่นำกฎหมายมาใช้ ให้ปฏิบัติได้จริง และสอดคล้องตามที่ภาคประมงเสนอเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อไป