การเมือง
'ประยุทธ์' ถามใครเดือดร้อนคำสั่ง คสช. เตือนอย่าปล่อยบุตร-หลาน ร่วมเดินมิตรภาพ
ในช่วงบ่ายวันนี้ (21 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.นำคณะลงพื้นที่ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน เยี่ยมชมตลาดน้ำบ้านศาลาดิน ม.3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีการขับเคลื่อนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตรเชื่อมโยงตลาดประชารัฐ รวมทั้งจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัยต่อสุขภาพบนพื้นฐานความต้องการและการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน รวมถึงหน่วยงานและภาคีที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยยึดหลักแนวคิด เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีได้อุดหนุนพ่อค้า แม่ค้า พร้อมทั้งเตือนประชาชน อย่าให้ใครมาบิดเบือนราคาข้าวที่ได้แก้ไขโดยโครงการไทยนิยมคือคนไทยนิยมสร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติและส่วนรวมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ตลอดจนเงินทุกบาทจะต้องไม่มีการรั่วไหลใครทุจริตขอให้บอกมา เพราะการเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยจะต้องเป็นแบบยั่งยืน และต้องดูสิ่งที่ทุกคนเรียกร้องนั้นใช่หรือไม่ เพราะไม่ใช่ก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่เมื่อถึงเวลาก็จะสามารถเลือกตั้งได้
จากนั้นนายกรัฐมนตรี นำคณะพบเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พร้อมทักทายผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมย้ำว่า ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของกลไกระบอบประชาธิปไตย จึงต้องมองอนาคตของประเทศอย่าให้กลับเป็นแบบเดิมทุกอย่าง
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ต้องสร้างความเท่าเทียมโดยเฉพาะกฎหมาย ซึ่งกฎหมายการชุมนุมและคำสั่ง คสช.เป็นคนละเรื่องกัน แต่หลายคนบอกเดือดร้อนจากคำสั่ง คสช ขอให้ยกเลิก แต่ตนขอถามว่าใครเดือดร้อนบ้าง มันเดือดร้อนกันไม่กี่คน และมีเจตนาบริสุทธิ์หรือไม่ และขอต้องไปดูกฎหมายที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่มีหลายฉบับ
ขณะที่ พรบ.การชุมนุมสาธารณะ ประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น และแสดงออก ไม่ใช่จะมาประท้วงแล้วยิงกันไปมา เพราะกฎหมายบอกว่าต้องขออนุญาตก่อน และต้องไม่กีดขวางจราจรและเกิดอันตรายกับผู้อื่น อย่าไปบอกว่ารัฐบาลต้องต้องยกเลิกคำสั่งให้ เพราะการชุมนุมก็ละเมิดคนอื่นไม่ได้
นายกรัฐมนตรี ยังระบุ สังคมบ้านเราเรื่องดีก็เฉย แล้วลืมไปเอง แต่เรื่องไม่ดีออกข่าวทุกวัน คนไทยก็ตื่นตูมเข้าไปด้วย อย่างเรื่องหวย เราก็ไม่ได้ซื้อ ปั่นหัวทุกวันจนอยากรู้ว่าหวยเป็นของใคร เราจึงเครียดไปด้วย ซึ่งข่าวในโซเชียลมีเดียทำให้สังคม เครียด จนเกิดความไม่สงบ ซึ่งรัฐบาลสั่งให้สงบไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการปรองดองสมานฉันท์ แต่สิ่งที่ทำได้คือการบังคับใช้กฎหมายให้เกิดความเป็นธรรม และเหมาะสม ไม่เกิดเหตุบานปลาย ยืนยันไม่ได้ปิดกั้นใคร หากมีปัญหาก็สามารถเสนอมาได้ตามข่องทางต่างๆ ซึ่งตนรับฟังทุกปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ทิ้งท้ายกับประชาชนด้วย โดยฝากเตือนลูกหลาน ว่าอย่าไปร่วมกับกลุ่ม We Walk หรือ กลุ่มเดินมิตรภาพ เพราะช่วยเท่าไหร่ก็ไม่เลิกสักที และกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย พร้อมขอให้ประชาชนสัญญาด้วยว่าบ้านเมืองต้องไม่เป็นเหมือนเดิม ลูกหลานจะตีกันเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ทุกคนต้องพัฒนาตัวเอง
ระหว่างที่คณะของนายกรัฐมนตรี พบเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ อ.กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีอาการวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม จึงวัดความดันและน้ำตาลซึ่งพบว่าความดันต่ำ โดยนายกฤษฏาบอกว่าปกติเป็นความดันสูงจึงต้องกินยาและวันนี้ได้เปลี่ยนยาชนิดใหม่ประกอบกับอากาศร้อนจึงทำให้มีอาการความดันต่ำ ซึ่งแพทย์ที่ตรวจบอกว่าไม่ได้อันตรายมีอาการปกติ
ขณะเดียวกัน นายกฤษฏา ยืนยันว่า ไม่ได้โยนข้าวโดนศีรษะนายกรัฐมนตรีตามที่เป็นข่าวและถูกนำไปลงโซเชียลมีเดีย เป็นมุมภาพ ข้าวกระจายเนื่องจากมีกระแสลมตีกลับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
