ไม่พบผลการค้นหา
กุนซือก้าวไกล แจงเหตุ 9 ส.ส.ไม่ร่วมลงชื่อดันแก้ไขกฎหมายสิทธิเสรีภาพ-ม.112 มีเงื่อนไขในพื้นที่-เทคนิคที่มองต่างกัน ย้ำไม่ใช่งูเห่าภาคสอง ย้ำ 9 ส.ส.ยังคงเห็นว่า ม.112 มีปัญหา รับปากต้องดันตามเสียงประชาชนที่เป็นเจ้านาย

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2564 อำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลและกรรมการวินัยและจรรยาบรรณ ระบุกรณี ส.ส. 9 คนของพรรคก้าวไกล ไม่ได้ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายคุ้มครองสิทธิละเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนรวมถึงมาตรา 112 ว่า ก่อนจะมาถึงการยื่นร่างกฎหมายชุดนี้ต่อประธานสภา อยากอธิบายให้เข้าใจถึงที่มาและกระบวนการในการร่างกฎหมายชุดนี้ ซึ่งเราเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวและมีมุมมองที่หลากหลายมากเกิดขึ้นในสังคมโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ทำให้กว่าจะออกมาเป็นร่างกฎหมาย จึงมีการพูดคุยภายในกันมาตลอดเป็นเวลานานหลายเดือนและหลายครั้งเพื่อทำความเข้าใจกัน 

รวมทั้งก่อนที่จะมีการยื่นร่างกฎหมายต่อสภาตนก็ได้พูดคุยโดยตรงกับผู้ที่ไม่ได้ลงชื่อเกือบทุกคน จึงรับทราบและเข้าใจดีถึงเหตุผลที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนยังขอสงวนสิทธิไว้เพราะเรื่องเทคนิคหรือรายละเอียดทางกฎหมายที่อาจยังมองต่างกัน บางคนมีเงื่อนไขการทำงานในพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งทุกคนรับรู้ในรายละเอียดว่ามีจำนวนรายชื่อที่เพียงพอต่อการเสนอแก้ไขกฎหมายแล้ว จึงขอใช้เอกสิทธิในการตัดสินใจ 

อำนาจ สถาวรฤทธิ์ ก้าวไกล -C8C5-4CC9-B691-763833307254.jpeg
  • อำนาจ สถาวรฤทธิ์

“สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมประชาธิปไตยภายในพรรคก้าวไกลที่เราทำกันมาตลอด ในฐานะกรรมการวินัยและจรรณยาบรรณของพรรค ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่ งูเห่าภาคสอง เพราะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากการขับ 4 ส.ส.พ้นพรรคในสมัยที่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่อย่างสิ้นเชิง บุคคลในกรณีเหล่านั้น มีการกระทำที่ทำให้พรรคเสียหาย มีลักษณะของการว่าร้ายและป้ายสี ทำให้เพื่อนสมาชิกและพรรคถูกตั้งคำถามด้วยข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อสาธารณะ ซึ่งหากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นก็จะต้องดำเนินการในลักษณะเดียวกัน แต่ในครั้งนี้เป็นเรื่องความคิดเห็นแตกต่างกันภายในพรรค” อำนาจระบุ

อำนาจระบุว่า พรรคจะทำต่อไปหลังจากนี้ก็คือการทำงานทางความคิดเพื่ออธิบายการตัดสินใจของพรรคต่อสังคมให้มากขึ้น เพราะถึงแม้ ส.ส.ทั้ง 9 คน จะไม่ได้ร่วมลงชื่อ แต่ส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่มีปัญหามาก โดยเฉพาะในระยะหลังที่มีเยาวชนถูกดำเนินคดีมากขึ้นเรื่อยๆ มีการพิพากษาคดีด้วยอัตราโทษที่สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ มีเสียงเรียกร้องที่ดังขึ้นจากขบวนผู้ชุมนุมที่ต้องยอมรับว่าอาจมีข้อเสนอไปไกลกว่าสิ่งที่พรรคได้เสนอไว้ รวมทั้งยังมีเสียงสะท้อนที่แสดงความกังวลออกมาในระดับนานาชาติไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ หรือสหประชาชาติ 

ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นหน้าที่ที่พรรคก้าวไกล และ ส.ส. ในฐานะผู้แทนของราษฎรจะต้องรับฟังและไม่จะกลัวต่อการรับรู้ในมโนธรรมสำนึกของตัวเอง เพื่อทำหน้าที่ปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะถึงแม้ว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 112 จะไม่ใช่จุดยืนมาแต่แรกในการก่อตั้งพรรคการเมืองซึ่งตอนนั้นคือพรรคอนาคตใหม่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเราได้ชูหลักการ ‘เจ้านายของเราคือประชาชน’ เป็นธงนำพรรคมาโดยตลอด 

เมื่อประชาชนซึ่งเป็นเจ้านายเรียกร้องถึงความเปลี่ยนแปลงและกำลังเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมต่างๆนานา ในฐานะพรรคการเมืองจึงจำเป็นที่จะต้องกล้าหาญในการนำเสียงของประชาชนมาขับเคลื่อนต่อไปในสภาภายใต้ปัจจัยที่พอจะคุยและยอมรับกันได้ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง 

อย่างไรก็ตาม เรื่องความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ของ ส.ส. สมาชิกพรรค และมวลชนผู้ให้การสนับสนุนพรรค ก็ขอเรียกร้องให้ทุกคนนำความคิดเห็นมาพูดกันภายในพรรค เพื่อความสามัคคี เป็นเอกภาพภายในพรรค เราจะร่วมสู้ไปด้วยกัน เพื่อสร้างสังคมอันงดงาม 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง