ไม่พบผลการค้นหา
ภาคพลเมืองขอนแก่น ร้องนายกฯ ปกป้อง ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ สู้ 'มาเฟียพระ' กรณีเงินทอน​​วัด มั่นใจมาตรการปราบทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลทำได้จริง เอาผิดผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด

นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมือง จ.ขอนแก่น นำคณะกรรมการและสมาชิกองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมือง จ.ขอนแก่น เข้ายื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น เพื่อส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้ปกป้องข้าราชการผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริตและกระทำตามกฎหมายบ้านเมือง

โดยมีนายรัฐวิชญ์ พาฉิมพลี รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น รับหนังสือแทน โดยทำการลงรับหนังสือตามระบบราชการและประสานงานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานที่รับผิดชอบตามลำดับขั้นตอน

นายตุลย์ กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนในความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัดที่ในขณะนี้ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการมทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กลับมีกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์และมีเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอันดีของพลเมือง มาทำการคุกคามและเรียกร้องให้มีการย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร พรามณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ทั้งยังคงมีการคุกคามการทำงานของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และทำตามระเบียบของทางราชการอันถูกต้องชอบธรรม ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและเป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วทั้งประเทศในคดีการทุจริตเงินทอนวัด ทำให้ภาคพลเมือง จึงจำเป็นต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้อง จึงรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ในการปกป้องข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ยึดกฎหมายและระเบียบทางราชการอย่างถูกต้องชอบธรรม และไม่ควรให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล

พร้อมกันนี้ มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ในหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น โดยข้อสำคัญที่สุดคือการให้กำลังใจ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้นายกรัฐมนตรีปกป้อง ให้กำลังใจคณะทำงานทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้และทำตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งขณะนี้การดำเนินคดีทางอาญานั้นมีความคืบหน้าอย่างมากและมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งในเรื่องของการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้นภาคพลเมืองคงไม่อาจก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ใดๆได้


"การพร้อ​​มใจยื่��หนังสือถึงนายกรัฐมนตรีครั้งนี้สำคัญที่สุดคือการดำเนินคดีกับพระเถระทุกรูปที่กระทำผิดกฎมายโดยไม่ละเว้นไม่ว่าชั้นยศใด โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ รวมทั้งดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ละเมิดกฎหมายในเรื่องดังกล่าวทุกคน เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอีก"


นายตุลย์ กล่าวต่ออีกว่า ภาคพลเมืองชาวขอนแก่นทุกคนให้กำลังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธฯ ที่กระทำการอย่างถูกต้อง ทำจริง ทำตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายและต้องการให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ต่อไป เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ โดยในเรื่องของคดีความนั้นเป็นการทำงานที่ชัดเจนร่วมกันทุกฝ่าย ที่วันนี้มีความคืบหน้าไปมาก และยังคงไม่ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะใช้ ม.44 มาจัดการในเรื่องดังกล่าว 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนที่มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่งนั้นพบว่าเป็นกลุ่มจัดตั้งที่ภาคพลเมืองไม่อยากจะบอกว่ามีมาเฟียพระหนุนหลัง รวมไปถึงผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการตรวจสอบดังกล่าว ดังนั้นวันนี้คือการทำงานภายใต้กรอบของกฎหมายและทำตามระเบียบให้ถูกต้องจนนำไปสู่การเอาคนผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ทั้งหมด และครบทุกคน ทั้งพระและฆราวาส

โดยวานนี้ (24 เม.ย.) กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน นำโดยนายจรูณ วรรณกสิณานนท์ เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหา พ.ต.ท.พงศ์พร ผอ.สำนักงานพระพุทธฯ ต่อ ปปป., ปปช. และ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ ซึ่งกฎหมายมิได้มอบอำนาจไว้ ซึ่งการกล่าวหาพระผู้ใหญ่ว่ามีส่วนในการทุจริตเงินทอนวัด ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งมีเจตนาเล็งเห็นผลเพื่อให้คณะสงฆ์เกิดความเสียหาย 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง