หลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวภายหลังการประชุมสภาประชาชนเมื่อวันอังคารที่ 20 มี.ค. เรียกร้องให้สหรัฐฯใช้เหตุใช้ผล ในการแก้ปัญหาการขาดดุลการค้ากับจีน โดยเป็นการเปิดเผยกับสื่อมวลชนระหว่างการแถลงข่าวที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ที่มหาศาลาประชาชนใจกลางกรุงปักกิ่ง
“ผมหวังว่าทั้งจีนและสหรัฐฯจะดำเนินการด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช้อารมณ์ และหลีกเลี่ยงสงครามการค้า”
ก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าเขากำลังพิจารณาที่จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีน เพื่อตอบโต้ที่จีน ‘ขโมย’ ทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทอเมริกันที่เข้าไปทำธุรกิจในจีน
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้นำสหรัฐฯอาจประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็นมูลค่าถึงปีละ 60,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือกว่า 1.8 ล้านล้านบาทภายในเดือน มี.ค.นี้ หลังจากที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมไปแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า รายการสินค้าจีนที่สหรัฐฯ พิจารณาจะขึ้นภาษีนำเข้า คือ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่จีนผลิตขึ้นจากทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีหลี่กล่าวว่า จีนจะเปิดรับบริษัทต่างชาติให้เข้าไปลงทุนในภาคการผลิตและภาคบริการได้มากขึ้น พร้อมกับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการ เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนปีละ 375,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือกว่าปีละ 11 ล้านล้านบาท รัฐบาลทรัมป์กล่าวหาว่า จีนบังคับให้บริษัทอเมริกันเปิดเผยข้อมูลทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อยื่นคำขอเข้าไปทำธุรกิจในจีน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีจีนบอกว่า เมื่อจีนเปิดตลาดมากขึ้น ต่อไปจะไม่มีการบังคับให้เอกชนถ่ายทอดเทคโนโลยี และจีนจะปรับปรุงการคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
แหล่งข่าวบอกว่า นอกจากขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว รัฐบาลทรัมป์อาจเก็บภาษีเพิ่มในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนด้วย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า รวมแล้วอาจขึ้นภาษีสินค้าจีนถึง 100 รายการ