ไม่พบผลการค้นหา
นักสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุว่า การปล่อยให้มีการเผยแพร่ข้อมูลปลุกระดมความเกลียดชังต่อชาวโรฮิงญาในสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา

สำนักข่าวรอยเตอร์และเดอะการ์เดียนรายงานว่า มาร์ซูกิ ดารุสมาน ประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระของสหประชาชาติซึ่งรับผิดชอบด้านการรวบรวมข้อมูลการก่อเหตุลบล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา กล่าวหาว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ทรงอิทธิพลอย่างเฟซบุ๊ก มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่และกระจายเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังชาวโรฮิงญา ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมในเมียนมา

ขณะที่ อียางฮี ผู้สืบสวนข้อเท็จจริงของสหประชาชาติที่เกี่ยวกับกรณีล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา กล่าวเสริมว่า เฟซบุ๊กมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลและเนื้อหาต่างๆ ไปสู่สาธารณะชน และสิ่งที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กในเมียนมา รวมถึงข้อความของกลุ่มชาวพุทธชาตินิยมที่มีแนวคิดสุดโต่ง มีส่วนสำคัญในการปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรงต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาและกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ในเมียนมา 


"เฟซบุ๊กได้กลายสภาพเป็นสัตว์ร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความตั้งใจของผู้สร้างเฟซบุ๊ก" อียางฮี กล่าว


อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กไม่ได้แสดงความคิดเห็นตอบโต้ผู้แทนของสหประชาชาติ แต่ก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเคยสั่งระงับบัญชีของพระวีรธุ ผู้นำกลุ่มมาบาธา ซึ่งเป็นกลุ่มชาวพุทธชาตินิยมสายสุดโต่งที่เรียกร้องให้ขับไล่ชาวมุสลิมในรัฐยะไข่ แต่คำสั่งระงับบัญชีดังกล่าวเพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันเสาร์ที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา และพระวีรธุยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มมาบาธาไม่เกี่ยวกับการก่อความรุนแรงในรัฐยะไข่

ทั้งนี้ การปะทะนองเลือดในรัฐยะไข่ครั้งล่าสุดเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24-25 ส.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากกองกำลังกู้ชาติโรฮิงญาอาระกัน (ARSA) ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่เรียกร้องสิทธิของชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ก่อเหตุโจมตีด่านตรวจและค่ายทหารพร้อมกันราว 25 จุด ทำให้กองทัพเมียนมาตอบโต้ด้วยการนำกำลังบุกโจมตีและจับกุมชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ และจัดตั้งให้พลเรือนชาวพุทธร่วมติดอาวุธขับไล่และสังหารชาวโรฮิงญา โดยไม่เลือกเป้าหมายว่าเป็นพลเรือนหรือสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ ARSA ทำให้ชาวโรฮิงญาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับผลกระทบร้ายแรง โดยมีชาวโรฮิงญาอย่างน้อย 650,000 คน หนีข้ามฝั่งไปยังบังกลาเทศ

ผู้รอดชีวิตชาวโรฮิงญาที่ลี้ภัยจากรัฐยะไข่ไปบังกลาเทศให้ปากคำด้วยว่า ทหารและกลุ่มชาวบ้านชาวพุทธร่วมกันก่อเหตุขับไล่ ปล้นสะดมภ์ เผาบ้านเรือน ข่มขืน และสังหารหมู่ชาวโรฮิงญา แต่กองทัพและรัฐบาลเมียนมาปฏิเสธว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสหประชาชาติเข้าไปในพื้นที่รัฐยะไข่

อ่านเพิ่มเติม: