ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาตะวันออกกลางขององค์กรนิรโทษกรรมสากลหรือ แอมเนสตี้(AI) กล่าวว่า มีหลักฐานเอกสารการเจรจากัน 36 ชิ้นตั้งแต่ปี 2015 ที่ปรากฎว่ามีการละเมิดกฎหมายสากล และอาจจะเข้าข่ายการกระทำที่เป็นอาชญากรรมสงคราม ในเอกสารแสดงให้เห็นว่ามีพลเรือนถูกฆ่าตายจำนวน 513 คนซึ่งในนี้รวมไปถึงเด็กอย่างน้อย 157 คน เเละอื่นๆอีก 379 คน

แอมเนสตี้กล่าวว่า สงครามภายในเยเมนระหว่างกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะการสู้รบกันระหว่างกลุ่มที่ภักดีกับประธานาธิบดีฮาร์ดี้ที่มีซาอุดิอาระเบียหนุนหลังกับกลุ่มติดอาวุธฮูธี ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน รวมไปถึงกลุ่มอัลกออิดะห์ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2015 สหรัฐฯ อังกฤษและชาติตะวันตกอื่นๆมีส่วนร่วมในการขายอาวุธให้แก่กลุ่มชาติพันธมิตรซาอุดิอาระเบียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งนำไปสู่การทำลายชีวิตพลเรือนชาวเยเมนกว่าหมื่นคน อีกทั้งยังเป็นการละเมิดสนธิสัญญาการค้าอาวุธทั่วโลกอีกด้วย

แอมเนสตี้วิเคราะห์วิดีโอเหตุการณ์การปะทะกัน 2 ครั้งล่าสุดในเดือนสิงหาคมปี 2017 และ เดือกมกราคมปี 2018 ว่าเป็นใช้ระเบิดที่ประกอบโดยล็อกฮีด มาร์ตินและเรธอน ในสหรัฐฯ ซึ่งการโจมตีเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่บริเวณซาน่า เมืองที่เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธฮูธีเสียชีวิต 16 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นด็ก

ที่ผ่านมาซาอุดิอาระเบียและกลุ่มชาติพันธมิตรออกมาปฏิเสธตลอดว่า พวกเขาไม่ได้ทำลายหรือมีเจตนาฆ่าชีวิตพลเรือน แต่พวกเขาทำลายและต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธฮูธี  ซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีอิหร่่านหนุนหลังอยู่ 

"ความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียที่เป็นผู้นำนิกายสุหนี่กับกลุ่มติดอาวุธฮูธีกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีท่าทีที่จะลดลง ประชาชนกว่า 22 ล้านคนที่เดือดร้อนและไม่ได้รับการช่วยเหลือ รวมไปถึงยังมีประชาชนกว่าอีก 1 ล้านที่ต้องสงสัยว่าอาจจะเกิดโรคติดต่อในพื้นที่ และแม้ว่าจะมีการปิดล้อมท่าเรือจากทางรัฐบาลเยเมนที่มีซาอุดิอาระเบียหนุนหลังอยู่ แต่การกระทำดังกล่าวก็มีข้อจำกัดในด้านความช่วยเหลือต่างๆรวมไปถึงการนำสินค้าสำคัญๆเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเยเมน" แอมเนสตี้กล่าวในแถลงการณ์

ทั้งนี้กลุ่มสิทธิมนุษยชนในฝรั่งเศส ออกมากล่าวว่า พวกเขาจะดำเนินต่อต้านทางรัฐบาลฝรั่งเศสภายใต้กฎหมายที่กำหนด ถ้าหากรัฐบาลฝรั่งเศสไม่ยุติการขายอาวุธให้แก่ซาอุดิอาระเบียภายในสองเดือน 

ที่มา Reuters