พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการย้ายหน่วยทหารออกจากกรุงเทพฯ ว่า อยู่ในขั้นตอนของการทำแผน ซึ่งเป็นแผนระยะยาว โดยเป็นไปตาม 3 แนวทางของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการดำเนินงานกองทัพบก ที่มีเสนาธิการทหารบกเป็นประธาน 

โดยแนวทางที่หนึ่ง คือ การดูโครงสร้างของกองทัพให้สอดรับกับสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งหน่วยงานใดที่มีความจำเป็นน้อยลงอาจจะยุบ หรือ ปรับเปลี่ยน รวมถึงเพิ่มเติมหน่วยใหม่ขึ้นมารับผิดชอบการที่กองทัพมียุทธโธปกรณ์เพิ่มขึ้น ทั้งโดรน และอากาศยานไร้คนขับ หรือยูเอวี ซึ่งหน่วยงานที่ไม่จำเป็นจะปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เป็นปอดของกรุงเทพฯ  

แนวทางที่สอง คือการพิจารณาลดกำลังพลให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากปัจจุบันใช้งบประมาณด้านกำลังพลกว่าร้อยละ 46 

แนวทางที่สาม คือ การจัดระเบียบที่ตั้งหน่วยทหารให้สอดคล้องกับภารกิจที่ได้รับในกลุ่มเดียวกัน โดยจะมีการย้ายหน่วยบางหน่วยไปภายนอก เพื่อลดความคับคั่งในพื้นที่ และพื้นที่ฝึกยานเกราะ รถถัง ไม่มีที่ฝึก บางครั้งต้องขนย้ายไปสระบุรี ดังนั้นแทนที่จะย้ายไปสำหรับการฝึก การย้ายไปอยู่ที่โน่นเลย ซึ่งถือเป็นการจัดระเบียบพื้นที่ให้เหมาะสมกับภารกิจ 

พร้อมกับระบุว่า ขอให้กำลังพลอย่าวิตกกังวล เพราะจะมีมาตรการดูแลครอบครัวของกำลังพล ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งการที่เป็นข้าราชการทหาร ไม่สามารถอยู่ติดพื้นที่ได้ ไม่สามารถลงหลักปักฐานได้ หากหน่วยที่สังกัดอยู่ต้องย้าย กำลังพลก็ต้องย้ายตาม

"เราเป็นข้าราชการ หากหน่วยงาน กองทัพต้องย้ายที่ตั้งหน่วย มันก็ต้องเป็นไปตามสภาพ แต่ผู้บังคับหน่วยก็จะดูความเหมาะสม มีห้วงเวลา มีขั้นตอน อย่างผมเป็นทหาร รับราชการอยู่ลพบุรี 24 ปี ย้ายบ้าน 15 ครั้ง ย้ายตามตำแหน่งงาน เพราะเราเป็นข้าราชการ อยู่ติดพื้นที่ไม่ได้" ผบ.ทบ. กล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะเป็นไปตามกรอบเวลา แบ่งเป็น 3 ระยะ ถ้าได้รับการอนุมัติฯ จะมีกรอบเวลาในการดำเนินการ และขึ้นอยู่กับงบประมาณในการดำเนินการ ซึ่งกำลังพลทุกคนจะมีโอกาสเตรียมตัว

"อันนี้ เป็นแผนระยะยาว ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติให้ดำเนินการได้ และงบประมาณ ซึ่งได้แบ่งเป็นเฟสๆ ไว้ ทั้งเรื่องโครงสร้าง กำลังพล และที่ตั้งหน่วย" พล.อ. เฉลิมชัย กล่าว