ไม่พบผลการค้นหา
นิตยสารไทม์ประกาศให้ 'สื่อมวลชนผู้ปกป้องความจริง' เป็นบุคคลแห่งปี 2018

นิตยสารไทม์ประกาศบุคคลแห่งปี 2018 ได้แก่ "สื่อมวลชนผู้ปกป้องความจริง" (The Guardians) โดยนิตยสารไทม์กล่าวยกย่องว่า สื่อมวลชนเหล่านี้ยอม "เสี่ยงอันตรายอันใหญ่หลวงเพื่อความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพื่อภารกิจตามหาความจริงที่ไม่สมบูรณ์แต่มีความจำเป็น เพื่อพูดความจริงให้ดังขึ้น และเพื่อพูดความจริงออกมาต่อสาธารณะ"

"สื่อมวลชนผู้ปกป้องความจริง" คือผู้สื่อข่าวทั่วโลกที่ต่อสู้ใน "สงครามแห่งความจริง" ตั้งแต่นายจามาล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย มารีอา เรสซา ผู้สื่อข่าวชาวฟิลิปปินส์ นายวาโลนและนายจอโซอู ผู้สื่อข่าวชาวพม่า และผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เดอะ แคปิตอล กาเซตต์ของสหรัฐฯ เป็นต้น

ไทม์จะตีพิมพ์นิตยสารฉบับหน้าด้วยหน้าปกของผู้สื่อข่าวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลแห่งปี ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 4 ปก ได้แก่

1.จามาล คาช็อกกี

นายจามาล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียผู้วิจารณ์ราชวงศ์ ซึ่งถูกสังหารในสถานกงสุลซาอุดีฯ ในนครอิสตันบูลของตุรกี "มีศรัทธาต่อการค้นหาความจริง" เขาจึงทำข่าวอยู่ในสนามมาตั้งแต่ยังหนุ่ม และการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนของราชวงศ์ซาอุดีฯ ก็ทำให้เขาต้องลี้ภัยออกจากประเทศ และจบชีวิตลงในสถานกงสุล ซึ่งมีเบาะแสบ่งชี้ว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารซาอุดีอาระเบียเป็นผู้สั่งฆ่า

นิตยสารไทม์กล่าวว่า ระบอบที่กดขี่และประชาธิปไตยมีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่รัฐบาซาอุดีฯ พยายามจะทำให้เส้นแบ่งของสองสิ่งเลือนลางลง เมื่อคาชอกกีพยายามชี้ให้เห็นถึงเรื่องนี้ ทำให้รัฐบาลคุกคาม "ชายที่มีเพียงปากกาเป็นอาวุธ"


2.มารีอา เรสซา

มารีอา เรสซา ซีอีโอของสำนักข่าวออนไลน์ Rappler ของฟิลิปปินส์ ซึ่งถูกตั้งข้อหาว่าโกงภาษี และอาจทำให้เรสซาต้องติดคุกสูงสุด 10 ปี เพราะสำนักข่าวนี้รายงานเกี่ยวกับการสังหารผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 12,000 ราย ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดของนายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์

เรสซากล่าวว่า เธอเคยเป็นผู้สื่อข่าวสงคราม ช่วงนั้นยังไม่ลำบากเท่าสิ่งที่เธอเผชิญในตอนนี้ เธอมองว่า ปัญหาใหญ่ที่ผู้สื่อข่าวเผชิญในปัจจุบันคือประภาคารแห่งประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯ ที่เคยยืนหยัดเพื่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพสื่อ กำลังสับสนหนักว่าคุณค่าของสหรัฐฯ คืออะไรกันแน่


3.ผู้สื่อข่าวเดอะ แคปิตอล กาเซตต์

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เดอะ แคปิตอล กาเซตต์ ในเมืองแอนนาโพลิส มลรัฐแมรีแลนด์ของสหรัฐฯ เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแมรีแลนด์มาตั้งแต่ช่วงก่อนการปฏิวัติอเมริกัน และการรายงานข่าวของพวกเขาก็เป็นผลให้ข้อขัดแย้งกับนายจาร์ร็อด วอร์เร็น รามอส จนมีการฟ้องร้องหมิ่นประมาทกัน และด้วยความแค้นที่แพ้คดี นายรามอสได้บุกกราดยิงกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์จนมีผู้สื่อข่าว 5 รายเสียชีวิตเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และแม้จะสูญเสียเพื่อนร่วมงานไปถึง 5 คน พวกเขาก็ยังยืดหยัดที่จะปิดต้นฉบับ เพื่อให้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ได้ทันในวันรุ่งขึ้น


4.วาโลน และ จอโซอู (และภรรยาของพวกเขา)

วาโลนและจอโซอู ผู้สื่อข่าวชาวพม่าถูกตัดสินจำคุก จากการทำข่าวการสังหารหมู่ชาวโรฮิงญา 10 รายในหมู่บ้านอินดิน รัฐยะไข่ของเมียนมา ทำให้พวกเขาต้องพรากจากภรรยา โดยภรรยาของวาโลน เพิ่งจะคลอดเมื่อไม่นานมานี้ นิตยสารไทม์จึงได้ถ่ายภาพภรรยาของผู้สื่อข่าวทั้งสองคนพร้อมรูปภาพของพวกเขาขึ้นปกไทม์ฉบับหน้า


ผู้สื่อข่าวผู้ต่อสู้เพื่อความจริงทั่วโลก

นิตยสารไทม์กล่าวว่า ปีนี้มีผู้สื่อข่าวที่ต่อสู้เพื่อความจริงแต่ถูกคุกคามจำนวนมาก ตั้งแต่ชาฮิดุล อาลาม ช่างภาพชาวบังกลาเทศที่ถูกจำคุก 100 วันหลังวิจารณ์ชีค ฮาสินา นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศระหว่างการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการประท้วงในกรุงธากา

ด้านอามาล ฮาบานี ผู้สื่อข่าวอิสระชาวซูดานถูกควบคุตัว 34 วันและถูกซ้อมทรมานด้วยลวดไฟฟ้าระหว่างการทำข่าวประท้วง, ปาตริเซีย กัมโปส เมลโล ผู้สื่อข่าวชาวบราซิลที่ถูกคุกคาม หลังรายงานข่าวที่ผู้สนับสนุนนักการเมืองระดมทุนเพื่อเผยแพร่ข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย, วิกเตอร์ มัลเลต บรรณาธิการข่าวเอเชียของสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สไม่ได้รับการต่อวีซ่าให้อยู่ในฮ่องกงต่อ หลังเชิญนักเคลื่อนไหวเรียกร้องเอกราชจากจีนแผ่นดินใหญ่มาพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

จากข้อมูลของคณะกรรมการปกป้องผู้สื่อข่าว หรือ CPJ ระบุว่า ทั่วโลกมีผู้สื่อข่าวทั้งหมด 262 ถูกจำคุกในปี 2017 และคาดว่าจำนวนผู้สื่อข่าวที่ถูกคุมขังทั่วโลกน่าจะสูงเช่นกันในปีนี้


ประชาธิปไตยถดถอย เสรีภาพสื่อถูกลิดรอน

นิตยสารไทม์ระบุว่า นี่ควรเป็นเวลาที่ประชาธิปไตยจะก้าวมาข้างหน้า ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างรอบด้าน แต่ปัจจุบันกลับถอยหลังลงคลอง ผู้ปกครองที่กดขี่ในยุคเก่าใช้วิธีการเซนเซอร์สื่อ ส่วนผู้กดขี่ยุคใหม่สร้างความไม่ไว้วางใจต่อข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ สร้างความสับสนบนโซเชียลมีเดีย

นายเดวิด พาทริคาราคอส ผู้แต่งหนังสือ War in 140 Characters กล่าวว่า ปัจจุบันไม่เหมือนการโฆษณาชวนเชื่อเดิมๆ แต่เป็นการฉวยโอกาสจากความสับสนและข้อมูลที่ผิดเพี้ยนให้มากที่สุด จนเมื่อประชาชนได้พบความจริง พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรคือความจริง

จัน ดุนดาร์ บรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์ตุรกีถูกตั้งข้อหาละเมิดข้อมูลลับของรัฐและเกือบถูกสังหารจนต้องลี้ภัยไปเยอรมนี เขากล่าวว่า การคุกคามความจริงเป็นเรื่องที่บอกเล่าออกมาได้ยากมาก เพราะสิ่งที่เรียนมาคือ ผู้สื่อข่าวไม่ควร "เป็นข่าว" เสียเอง แต่สื่อในปัจจุบันไม่มีทางเลือก "นี่เป็นโลกที่ผู้นำแข็งกร้าวเกลียดเสรีภาพสื่อและความจริง"

นิตยสารไทม์กล่าวว่า ที่ผ่านมา สื่อสหรัฐฯ เป็นสิ่งจำเป็นกับประชาชนราวกับเป็นอากาศ แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจมตีสื่อบ่อยครั้ง โซเชียลมีเดียก็เผยแพร่ข่าวที่ไม่ถูกต้อง มีความพยายามที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของข้อเท็จจริง

"ในปี 2018 ผู้สื่อข่าวจดบันทึกสิ่งที่คนพูดและสิ่งที่คนทำ และเมื่อสองสิ่งนี้ไม่ตรงกัน ผู้สื่อข่าวก็จดบันทึกไว้ ปีนี้สิ่งที่พวกเขาทำหรือวิธีการที่พวกเขาทำงานไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ความสำคัญของสิ่งที่พวกเขาทำ"


ที่มา : TIME

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :