นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า ดวงอาทิตย์โคจร มาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา เริ่มจากพื้นที่ทางใต้ ณ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา จากนั้นจะไล่ลำดับขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆ ซึ่งวันที่ 27 เม.ย. ที่จะถึงนี้ จะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กับกรุงเทพฯ ตรงกับเวลาประมาณ 12:16 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เวลาดังกล่าวหากยืนกลางแจ้ง ดวงอาทิตย์จะอยู่ตรงตำแหน่งเหนือศีรษะ และเงาของร่างกายจะตกอยู่ใต้เท้าพอดี จนกระทั่งวันที่ 22 พ.ค. 2561 ดวงอาทิตย์จะตั้งฉากกับพื้นที่เหนือสุดของประเทศไทย ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เวลาประมาณ 12:17 น.
เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อน ระหว่างแนวละติจูด 5-20 องศาเหนือ ประเทศที่อยู่ในบริเวณนี้ จะมีวันที่ดวงอาทิตย์ผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะมากที่สุดปีละ 2 วัน โดยจะมีคาบการโคจรพาดผ่านแตกต่างกันไป ในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัดของประเทศไทยจึงเห็นดวงอาทิตย์ผ่านเหนือศีรษะไม่พร้อมกันและในครั้งต่อไป ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่มาอยู่ในแนวตั้งฉากกับกรุงเทพฯ อีกครั้งช่วงฤดูฝนในวันที่ 16 ส.ค. 2561 เวลาประมาณ 12.22 น
นายศุภฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลกทำให้ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ อย่างเต็มที่ แต่อุณหภูมิจะสูงที่สุดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณฝน เมฆ อิทธิพลจากมรสุม ความร้อนสะสมในบรรยากาศ ฯลฯ ก็อาจส่งผลต่ออุณหภูมิได้