ไม่พบผลการค้นหา
ศบ.ทก. ยึดหลัก “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” เดินหน้าบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ย้ำไม่ปิดด่าน–ไม่ละเมิด MOU 2543 พร้อมเร่งหารือกลไกทวิภาคี ลดผลกระทบประชาชนเป็นสำคัญ

วันนี้ (วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568) เวลา 12.00 น. ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงผลการประชุม โดยมีรายละเอียดดังนี้

การประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ จะจัดขึ้นทุกวันทำการ โดยในวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี และศุกร์ จะเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. ส่วนวันอังคารจะประชุมเวลา 13.30 น. และหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวเวลา 12.00 น. โดยจะมีคณะโฆษกของศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้แก่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นโฆษกด้านการต่างประเทศ และพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษกด้านความมั่นคง เป็นผู้แถลงข่าว

นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ ว่า

1) ในประเด็นสถานการณ์ชายแดน ไทยขอยืนยันว่าไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใด แต่เป็นการปรับเวลาการเปิด-ปิดด่าน เพื่อควบคุมการเข้าออกตามสถานการณ์และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศระงับการนำเข้าผักและผลไม้จากไทยทุกชนิด ซึ่งเป็นมาตรการฝ่ายเดียวของทางกัมพูชา โดยหน่วยงานไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพื้นที่ เร่งประสานงานในการกระจายผลผลิตไปยังพื้นที่อื่น ๆ ภายในประเทศ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

2) กรณีข้อสงสัยเรื่องการขุดลอกคูเลตฝั่งไทย ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทยอย่างถูกต้อง ไม่ได้ละเมิด MOU ปี 2543 แต่อย่างใด ไทยยึดมั่นในพันธกรณีตาม MOU ดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันกำหนด

3) ด้านกลไกความร่วมมือทวิภาคี ไทยยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อการใช้กลไก JBC และ RBC เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ การประชุม JBC ล่าสุดมีผลเป็นที่น่าพอใจ และฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว ส่วนการประชุม RBC กำลังหารือกำหนดวันประชุมร่วมกัน และจะแจ้งให้ทราบทันทีที่ได้ข้อสรุป

ทั้งนี้ ศูนย์เฉพาะกิจฯ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างรอบคอบ ไม่ขยายข่าวลือที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ โดยขอให้ยึดหลัก "รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ"


สำหรับด้านความมั่นคง พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รายงานว่า มี 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1) การปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล และยึดตาม MOU ปี 2543 โดยกิจกรรมพัฒนาพื้นที่ชายแดนดำเนินอยู่ภายในเขตอธิปไตยของไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง

2) การควบคุมจุดผ่านแดน ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 มาตรการหลัก ได้แก่ การจำกัดประเภทของบุคคลที่สามารถผ่านแดนได้ และการจำกัดช่วงเวลาเปิด-ปิดด่าน โดยพิจารณาความจำเป็นเป็นรายกรณี เช่น นักเรียน หรือผู้ป่วยที่มีเหตุความจำเป็นด้านมนุษยธรรม

3) กรณีการระงับนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย โดยฝ่ายกัมพูชา ฝ่ายไทยได้ประสานผ่านกระทรวงพาณิชย์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการกระจายผลผลิตกว่า 2,500 ตัน ไปยังภาคเอกชน เช่น กลุ่มซีพี กลุ่มเซ็นทรัล และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม Fruit Festival ในงาน Phuket Pride 2025 และเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยต่อเนื่องในอนาคต พร้อมขอความร่วมมือประชาชนสนับสนุนการบริโภคสินค้าไทย

ในช่วงการซักถาม สื่อมวลชนสอบถามเกี่ยวกับการปลุกระดมมวลชนในกรุงพนมเปญ โดยมีลักษณะปลุกกระแสชาตินิยม ในช่วงเวลาที่ไทย–กัมพูชามีประเด็นความขัดแย้ง ศูนย์เฉพาะกิจฯ ชี้แจงว่า กิจกรรมดังกล่าวจัดโดยสหพันธ์เยาวชนกัมพูชา เป็นกิจกรรมตามวาระปกติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำ และแต่ละครั้งจะมีธีมการจัดงาน โดยครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทย–กัมพูชามีข้อพิพาทพอดี อย่างไรก็ตาม ไทยอยากให้เรื่องนี้อยู่ในระดับรัฐบาลกับรัฐบาล ไม่ควรเป็นเรื่องระดับประชาชน สำหรับความปลอดภัยของคนไทยในพนมเปญนั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้ประสานกับคนไทยในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และขณะนี้ยังไม่มีสถานการณ์ที่น่ากังวล

ในช่วงท้าย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเสริมว่า แม้กิจกรรมของฝ่ายกัมพูชาจะมีลักษณะเชิงสัญลักษณ์ แต่รัฐบาลไทยมีจุดยืนชัดเจนที่จะใช้ความรอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติวิธี ในการแก้ไขปัญหา หากไทยตอบโต้ทุกกรณี จะสะท้อนว่าไม่ใช้สติในการดำเนินนโยบาย ดังนั้นจึงขอให้พิจารณาทุกสถานการณ์อย่างรอบด้าน