คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าบัดนี้เป็นเวลาพิสูจน์ถึงข้ออ้างการปฎิวัติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ที่ว่าจะเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศและมาปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ว่าเป็นเพียงข้ออ้างเข้ามายึดอำนาจจากประชาชน หรือไม่ เพราะมาตรฐานต่อการปราบทุจริตคอรัปชันในยุค คสช. ตกต่ำอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
หนึ่ง ตั้งแต่องค์กรตรวจสอบทุจริตคอรัปชันอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ที่ควรเป็นอิสระ ไม่อยู่ใต้อาณัติของผู้มีอำนาจ แต่เรากลับได้ประธาน ป.ป.ช. ที่เป็นลูกน้องหน้าห้องของบิ๊ก คสช. เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธาน ป.ป.ช. แถมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่ คสช. แต่งตั้งยังมีแนวโน้ม ว่าจะต่ออายุกรรมการ ป.ป.ช.ไปอีก 8-9 ปี ทั้งที่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยไม่สนใจว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด
อีกทั้ง ผลงานที่ผ่านมาก็ไม่เคยเอาผิด ผู้มีอำนาจในปัจจุบันเลยแม้แต่กรณีเดียว จนถูกตั้งข้อกังขา ว่า ป.ป.ช. มาทำหน้าที่ฟอกขาวให้ผู้มีอำนาจหรือไม่ ขณะที่ บางคดี ป.ป.ช. กลับเร่งรัดเอาผิดจนหลายฝ่ายสงสัยว่าเป็นเครื่องมือของใครเพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่
สอง การกระทำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีที่ออกมาปรามสื่อและประชาชนที่ออกมาตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรู ว่าให้ "ลดราวาศอก" และล่าสุดก็บอกว่าเป็น "เรื่องส่วนตัว" ล้วนตรงข้ามกับสิ่งที่ประกาศว่าจะเข้ามาปราบคอรัปชันอย่างสิ้นเชิง ต่างจากบางคดีที่ ป.ป.ช. กลับเร่งรัดเอาผิดจนหลายฝ่ายสงสัยว่าเป็นเครื่องมือของใครเพื่อทำลายคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อวานก่อน เลขาธิการ ป.ป.ช. ออกมาแถลงเสมือนเป็นโฆษกส่วนตัวแก้ต่างให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่า ของยืมเพื่อนไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน