นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (27 พ.ค.) ได้มอบหมายให้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ยิงกันเสียชีวิตภายในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดพิษณุโลก หรือ สวท.พิษณุโลก เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุของการก่อเหตุ และรายงานด่วนกลับมาที่ตนเอง เพราะหากเป็นสาเหตุของความเครียดจากการทำงาน ก็จะต้องเข้าไปดูว่าจะต้องปรับปรุงอะไรบ้าง
หรือแม้แต่หากเป็นเรื่องส่วนตัวก็ต้องพิจารณาว่าจะดูแลอย่างไร เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยทุกอย่างขอให้ดำเนินการเร่งด่วน เพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดของกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมกับสั่งการให้กำชับทุกสถานีเข้มงวดเรื่องการดูแลความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบเรื่องของอาวุธด้วย ย้ำต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะในช่วงนี้อาจมีสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียดกับบุคลากรได้ ทั้งนี้ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ ว่าในเรื่องของคดีต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ แต่เชื่อว่ามีมีความคืบหน้าก็จะมีการรายงานเข้ามา
ตำรวจควบคุมตัว 'ผู้ต้องหา' ทำแผนฯ แจ้งข้อกล่าวหา
เหตุการณ์ดังกล่าว เวลาประมาณ 11.00 น. วันที่ 27 พ.ค.2563 เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตภายในสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) เลขที่ 137/1 ม.5 บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก มีผู้เสียชีวิตคาที่ 3 ศพ ประกอบด้วย 1.นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท.พิษณุโลก ที่กำลังจะเกษียณกันยายน 2563 2.นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้า อาวุโส และ 3.นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ นายช่างอาวุโส นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือนายปรุง จันทร์แดง ช่างเครื่องส่ง
ส่วนผู้ก่อเหตุที่ถูกควบคุมตัวทันทีคือ นายวิม สอนสุด ช่างไฟฟ้า ที่พักอยู่บ้านพักภายในสถานี
ความคืบหน้าในวันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวนกว่า 50 นาย ได้ควบคุมตัวนายวิม ไปมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนา พร้อมกับกล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมถึงขั้นตอนในการก่อเหตุต่างๆ สาเหตุเป็นเรื่องการมีปัญหากันระหว่างกลุ่มนายช่างกับผู้ต้องหาซึ่งมีอายุมาก ประกอบกับสุขภาพไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ จึงทำงานผิดพลาดมีปัญหา ของหายประจำ โดนหัวหน้างานต่อว่าบ่อยครั้ง จนก่อนเกิดเหตุก็เป็นเรื่องของหาย จึงทะเลาะกับนายช่างทั้ง 2 คน จึงลงมือก่อเหตุ จากนั้นก็กลัวความผิดจึงเดินหาคนเห็นเหตุการณ์
ส่วนเรื่องการกินยาระงับประสาทตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามียาโรคประจำตัว เช่น หืดหอบโรคหัวใจ แต่ก็ขอประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลพุทธชินราชมาประกอบสำนวนในคดีด้วย จากคำให้การคิดว่าเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า สาเหตุเกิดจากการเก็บกดจากเรื่องงานที่ผิดพลาดบ่อยครั้งเพราะปัญหาสุขภาพจนมาระเบิดระบายความแค้นวันนี้ โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปพร้อมรับความผิดชดใช้กรรม
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บวันนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา เรื่องฆ่าและพยายามฆ่า และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ขณะที่วันนี้ยังไม่มีญาติติดต่อขอเข้าเยี่ยมหรือขอประกันตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใดทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลต่อไป