นายสถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา แอดมินและเจ้าของเพจ "มารชรา" บอกกับ วอยซ์ออนไลน์ เมื่อเพจที่ร่วมทำกับน้องๆ นำเสนอเรื่องข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ถูกแฮกไปเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) โดยมองว่าเป็นอาชญากรรมข้ามชาติทางไซเบอร์ เพราะเริ่มจับสัญญาณความผิดปกติได้ มีคนชื่อและหน้าไม่คุ้นขึ้นแสดงว่าเป็นเพื่อน แต่เมื่อคลิกเข้าไปเพื่อยกเลิก กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกแฮก เพราะไม่สามารถเข้าไปทำอะไรในเพจได้เลย แม้แต่การเขียนข้อความ พยายามเปลี่ยนรหัส ทั้งอีเมล์และเฟซบุ๊ก แต่ไม่ได้ผล

ผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียว แอดมินทั้งหมดไม่สามารถทำอะไรได้เลยที่เกี่ยวกับหลังบ้าน กลายเป็นคนที่เข้ามาเขียนคอมเมนต์เท่านั้น จึงรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ให้เป็นหลักฐานว่าหากมีเนื้อหาอะไร หรือพฤติกรรมใดๆ ไปรบกวน จะไม่ใช่แอดมินแล้ว

สถาพร บอกว่า พยายามร้องเรียนไปยังเฟซบุ๊กตามช่องทางที่มี และเมื่อส่งคำถามไป ได้รับคำตอบว่าเพจดังกล่าวมีเจ้าของถูกต้อง ขอให้ร้องเรียนในเรื่องอื่นๆ เช่น เพจปลอม มีความรุนแรง มีภาพโป๊เปลือย

"เฮ้ย มันไม่ใช่ นั่นเพจเราถูกคนมาขโมย เจ้าของตัวจริงเข้าไม่ได้ เราอยากบอกแบบนั้น"

แต่เชื่อว่าคำตอบที่เฟซบุ๊กตอบกลับมานั้น น่าจะเป็นแชตบอต หรือระบบอัตโนมัติ มากกว่าเป็นตัวบุคคล จึงพักไว้ก่อน จากนั้นเริ่มมีเพื่อนๆ เข้้ามาช่วยและเมื่อเข้าไปค้นเรื่อยๆ ถึงกับตกใจว่าเพจของตัวเองถูกเปลี่ยนภาพและถูกนำไปขายยอดกดไลก์เพจในเฟซบุ๊กนั่นเอง

"วันที่เราตัดสินใจทำเพจนี้ขึ้นมา เพราะต้องการถ่ายทอดงานเขียนเท่านั้น ไม่ได้ต้องการทำธุรกิจอะไรเลย แต่ถ้าสมมติว่าผมเป็นลูกค้าเขา ซื้อโฆษณาทำการตลาดกับเฟซบุ๊ก จ่ายเงินเป็นล้าน ถามว่าถูกถ้าถูกแฮกแบบนี้ เฟซบุ๊กคุณจะรับผิดชอบอย่างไร สิ่งที่เราตั้งคำถามมีอยู่สองเรื่อง คือ ความรับผิดชอบ กับ แพลตฟอร์มนี้ปลอดภัยหรือไม่ เพราะเมื่อค้นดูในกูเกิล พบว่ามีคนรับจ้างกู้เฟซบุ๊กจำนวนมาก ทักไปหนึ่งคนเรียกเงิน 3,500 บาท เราก็ย้อนกลับมาคิดว่า หากเขากู้ได้เขาต้องรู้ข้อมูล เราจะไว้ใจได้หรือไม่ว่าในอนาคตเขาจะไม่แฮกอีก" สถาพร กล่าว

สถาพร บอกว่า วันนี้ได้ขอให้เพื่อนๆ ช่วยเข้าไปรายงานและกดยกเลิกติดตามเพจ เพื่อให้ยอดลดลง แม้ว่าเพจเราจะมีคนกดติดตามไม่กี่พันคน แต่คนที่มาติดตามเราเมื่อได้มีการแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนพูดคุยกันในสาระสำคัญของข่าวที่เขียนลงไป บางเรื่องมีคนมาอ่านกดไลก์เป็นแสน เช่น คดีบิลลี่ (พอละจี รักจงเจริญ)

"รายละเอียดบางอย่างอ่่านได้ที่เราเพจเดียว มันกลายเป็นความผูกพัน กลายเป็นสถานที่พูดคุยหาคำตอบกันในเรื่องต่างๆ ที่ยังเป็นข้อสงสัยของสังคม หรือมีสิ่งไหนที่ต้องติดตามกันอีก มันมีค่ามากกว่าอะไร ถามว่าจะเลิกทำเพจไปเลยหรือไม่ กำลังดูอยู่ เพราะมีงานเขียนอีกหลายอย่างที่ต้องการถ่ายทอด แต่คงต้องดูว่ามีแพลตฟอร์มไหนบ้าง ท้ายที่สุดต้องดูว่าคนส่วนใหญ่ยังอยู่ในเฟซบุ๊กหรือไม่"