ไม่พบผลการค้นหา
'ประยุทธ์' ชี้ การดึง 'ต่างชาติศักยภาพสูง' ตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศ จะเป็นทางลัดการพัฒนาคนไทยให้เก่งเร็วขึ้น

ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายเพื่อเพิ่มศักยภาพของคนไทยซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญต่อขีดความสามารถแข่งขันประเทศมาต่อเนื่อง โดยดำเนินการผ่านหลายด้านรวมถึงการดึงผู้มีศักยภาพสูงเข้ามาอาศัยทำธุรกิจและทำงานในประเทศไทยด้วยนโยบายการเป็นศูนย์การบุคลากรทักษะสูง (Talent Hub) ของภูมิภาค และการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ โดยดึงบริษัทชั้นนำเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค(Regional Headquarters) ในไทย ซึ่งผู้มีทักษะสูงและบริษัทระดับโลกจะถ่ายทอดความรู้ และนวัตกรรมต่างๆ แก่คนไทยผ่านการทำงานร่วมกัน

“นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าการดึงผู้มีศักยภาพสูงโดยการให้ LTR Visa และการดึงบริษัทระดับโลกมาตั้งสำนักงานใหญ่จะเป็นทางลัดที่จะพัฒนาคนไทยให้เก่งเร็วขึ้น ผ่านการทำงานกับบุคคลหรือบริษัทที่มีนวัตกรรมและความสามารถการแข่งขันสูง ซึ่งด้วยนโยบายที่ชัด มีทีมงานที่นายกรัฐมนตรี ตั้งเดินสายเพื่อให้ข้อมูลนักลงทุน และผลจากการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคเมื่อปลายปี 65 ทำให้ทั่วโลกมองเห็นศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดสะท้อนไปที่ยอดของผู้มีทักษะสูงและบริษัทระดับโลกที่เข้ามายังประเทศไทยต่อเนื่อง” ไตรศุลี กล่าว

ไตรศุลี กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รายงานถึงการดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีสำหรับนโยบาย Talent Hub ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย หรือ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) ตั้งแต่ 1 พ.ย.65 -28 ก.พ. มีต่างชาติยื่นขอ LTR Visa รวม 2,920 คน

ทั้งนี้ แยกเป็น กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง 195 คน, กลุ่มผู้เกษียณอายุและมีความมั่งคั่งจากต่างประเทศ 1,011 คน, กลุ่มผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย 771 คน, ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ 390 คน และ ผู้ติดตามบุคคลกลุ่มต่างๆ ข้างต้น 553 คน และหากแยกตามกลุ่มประเทศพบว่าผู้ยื่นขอ LTR Visa สูงสุด 3 อันดับแรกคือ ยุโรป 940 คน สหรัฐอเมริกา 517 คน และจีน 325 คน

ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนการเข้ามาตั้ง Regional Headquarter สำนักงานบีโอไอ ได้ให้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนตั้งสำนักงานแล้วกว่า 500 โครงการ