ไม่พบผลการค้นหา
ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นจำนวนมากสนับสนุนการลดเวลาการดำเนินการของร้านสะดวกซื้อ และให้ความสำคัญกับสินค้าเหลือทิ้ง เพื่อเจ้าของและสิ่งแวดล้อม

ตัวเลขร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่นโตขึ้นกว่าร้อยละ 70 ภายในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา ขึ้นไปแตะที่ราว 58,000 ร้านทั่วประเทศ ส่งผลให้ร้านสะดวกซื้อเหล่านี้กลายเป็นสิ่งสำคัญของครอบครัวที่อาศัยอยู่คนเดียวและคนที่ทำงานเลิกดึก สะท้อนให้เห็นจากยอดขายที่สูงขึ้นกว่าร้อยละ 90 ขึ้นไปแตะเม็ดเงิน 11 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม 2 สิ่งที่ตามติดมาเป็นเงาตามตัวจาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วก็คือ (1) การเปิดดำเนินการ 24 ชั่วโมง (2) รายชื่อสินค้ายิบย่อย 

วงการร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อ เซเว่น-อีเลฟเว่น แฟรนไชส์ในญี่ปุ่นตัดสินใจลดเวลาการเปิดดำเนินการร้านสะดวกซื้อในเมืองโอซาก้าลงเหลือเพียง 19 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้คู่แข่งหลายรายต้องดำเนินธุรกิจแบบเดียวกัน

ต้นทุนและสิ่งแวดล้อม

โดยปกติแล้ว ต้นทุนหลักของร้านสะดวกซื้อประกอบไปด้วย คนงาน ค่าสาธารณูปโภค และการขาดทุนจากสินค้าที่ขายไม่ได้ โดยประเด็นหลังสุดกำลังเป้นที่ถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน ว่าสินค้าเหลือทิ้งเหล่านั้นกลายมาเป็นขยะที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม

ปัจจัยที่ทำให้สินค้าเหลือทิ้งเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น มาจากการแข่งขันที่หนักหน่วยในอุตสาหกรรมร้านสะดวกซื้อเพื่อให้แน่ใจว่าร้านของตนมี 'ทุกสิ่ง' ที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ต้องมีการตุนสินค้าจำนวนมาก และร้านสะดวกซื้อก็มองว่ากำไรที่ได้จากการเป็นสถานที่ที่ลูกค้ารู้ว่ามีสินค้าทุกอย่างนั้น คำนวณแล้วคุ้มกับต้นทุนสินค้าเหลือทิ้งเหล่านั้น

ผลจากการตื่นตัวด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์สินค้าเหลือทิ้งเหล่านี้และต้องการให้ร้านสะดวกวื้อมีมาตรการลดปัญหาดังกล่าวลง 

อ้างอิง; Nikkei

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: