ต่างประเทศ
สหรัฐฯ กลับลำจ่อทบทวนกฎบังคับ นร.ต่างชาติต้องเข้าห้องเรียนเพื่ออยู่ต่อในอเมริกา
เมื่อวันอังคาร (14 ก.ค.) รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า จะล้มเลิกกฎการเข้าสหรัฐอเมริกาของนักศึกษาต่างชาติที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐฯ หรือ ICE ประกาศ ห้ามให้นักศึกษาต่างชาติที่ถือวีซ่าประเภท F-1 และ M-1 ซึ่งเป็นวีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติอยู่ในสหรัฐฯได้อีกต่อไป หากว่าพวกเขาไม่มีวิชาเรียนในห้องเรียนช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะเริ่มขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อนักเรียนต่างชาติในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายทั้งในระดับมหาวิทยาลัยและในระดับมลรัฐฯ โดยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาซูเซสร่วมฟ้อง ICE ขณะที่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลมลรัฐ 17 รัฐก็ร่วมฟ้อง ICE ที่ออกมาตรการดังกล่าวเช่นกัน
ด้านกลุ่มอาจารย์ในสหรัฐฯ ต่างร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกแสดงความไม่เห็นด้วยกับประกาศของ ICE โดยเนื้อหาของจดหมายโจมตีนโยบายดังกล่าวว่า นอกจากจะกีดกัันนักเรียนต่างชาติที่ลงทุนและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มาเรียนในสหรัฐฯ แล้ว ยังเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างร้ายแรงด้วย
ทั้งนี้ในจดหมายของกลุ่มอาจารย์ชี้ว่า "การตัดสินใจของ ICE นั้นหมายความว่า นอกจากนักเรียนต่างชาติจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสหรัฐฯ ต่อแล้ว หากมหาวิทยาลัยเปลี่ยนแผนการสอนตามการตัดสินใจของ ICE ก็เท่ากับว่า ทางมหาวิทยาลัยทำให้นักศึกษาและคณาจารย์ตกอยู่ในความเสี่ยงด้วยการบังคับให้พวกเขากลับเข้ามาในห้องเรียนในช่วงที่มีโรคระบาด”
ปัจจุบันสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิดมากที่สุด โดยวานนี้ (14 ก.ค.) มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 70,000 ราย ส่งผลให้สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 3,545,077 ราย
