พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบ Video Conference ตามมาตราการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 โดยที่ประชุมมีการหารือแนวทางรับมือการการควบคุมและรักษาผู้ติดโควิด19 ในกรมราชทัณฑ์ รวมถึงการตั้งโรงพยาบาลสนาม และเร่งกระจายวัคซีนเพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงให้ได้มากสุด ส่วนวาระการประชุมที่น่าสนใจ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ จากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)พ.ศ. 2564
ด้าน ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความเล่าเรื่องผ่านประสบการณ์ถูกจองจำในคุก ว่า สภาพภายในเรือนจำไทยจากสื่อต่างชาติ ที่แม้แต่คนไทยด้วยกันก็ไม่เคยรับรู้เรื่องราวแบบนี้มาก่อน หากไม่ได้เข้าไปสัมผัส เห็นกับตาตัวเองด้วยการติดคุกเสียเองเหมือนตน เพราะที่เห็นภาพจากข่าวทั่วไป ที่ได้เข้าไปถ่ายภายในคุก ไม่ว่ารายการไหน เป็นต้องถูกเซ็นเซอร์หลายรอบจากเจ้าหน้าที่คุก จนแน่ใจว่าได้ภาพภายในเรือนจำสะอาด ห้องเป็นระเบียบเรียบร้อย จนผู้ใหญ่ในกรมราชทัณฑ์พอใจถึงจะให้นำออกเผยแพร่ได้
"เอาจริงๆ แม้แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังไม่เคยเห็นสภาพจริงด้วยซ้ำ เพราะเป็นแดนสนธยา"
อดีตนักการเมืองชื่อดัง ระบุต่อว่า หากใครสักคนหลุดติดเชื้อโควิดเข้าไปในคุก จึงยากที่จะเลี่ยงการแพร่กระจาย ด้วยสภาพการกิน การอยู่ การหลับนอนอย่างแออัด ขณะนี้จำนวนนักโทษทั่วประเทศ 300,000 กว่าคน ยังดีที่มีนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ให้ใส่กำไลอีเอ็ม พักโทษตามเกณท์ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก ไม่อย่างงั้น ป่านนี้จำนวนตัวเลขนักโทษคงไปถึง 400,000 กว่าคนแล้ว
ด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โพสต์ข้อมูลงบปประมาณดูแลโควิดสำหรับกรมราชทัณฑ์ปี 2564 ว่า งบประมาณกรมราชทัณฑ์สำหรับป้องกันการแพร่กระจายของโรคโควิดสำหรับปีงบประมาณ 2564 คือ 750,000 บาท สำหรับเรือนจำ 142 แห่งทั่วประเทศ หรือได้งบประมาณแห่งละ 3,000-10,000 บาท หรือถ้าเทียบกับผู้ถูกคุมขังประมาณ 310,000 คน เฉลี่ยแล้วได้งบสำหรับป้องกันการแพร่โควิด คนละ 2.41 บาท ดูจากการตั้งงบประมาณแล้วก็ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมยอดคนติดเชื้อจากเรือนจำใกล้จะทะลุ 10,000 คนแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกินงบประมาณไม่รู้กี่ร้อยเท่า