อิตาลีเป็นที่แรกในยุโรปที่ประกาศ 'ปิดประเทศ' ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.2563 เป็นต้นมา โดยเป็นการยกระดับจากเดิมที่ปิดเฉพาะเมืองในแคว้นลอมบาร์ดีและเวเนโต ทำให้คำสั่งกักตัวและควบคุมการเดินทางมีความเข้มงวดแบบเดียวกันทั่วประเทศ เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงขึ้น มีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอิตาลีมากเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรค
เว็บไซต์ Business Insider รายงานว่า ก่อนหน้านี้ จีนบังคับใช้มาตรการปิดเมืองอู่ฮั่น รวมถึงเมืองอื่นๆ ในมณฑลหูเป่ย โดยห้ามประชาชนเดินทางเข้าออกนอกเมือง สั่งให้ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อกักตัวเองในที่พัก ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวันลดลงอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ว่ามาตรการปิดเมือง 'ได้ผล' ในการสกัดการแพร่ระบาดของโรค
แต่สถานการณ์โรคโควิด-19 นอกประเทศจีนกลับสวนทาง เพราะพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมในกว่า 109 ประเทศทั่วโลก
เอียน เชฟเฟิร์ด นักเศรษฐศาสตร์ของ 'แพนธีออน แม็กโครอีโคโนมิกส์' สถาบันวิเคราะห์ระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่นอกจีนเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าในทุกๆ 4.1 วัน อ้างอิงการสำรวจข้อมูลช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา และถ้าพิจารณาจากการระบาดในอิตาลี ก็มีแนวโน้มสูงว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในยุโรปจะเกินควบคุมในเร็วๆ นี้
ถ้าศึกษาแบบอย่างจากจีนและเกาหลีใต้ อาจจะช่วยให้การควบคุมหรือยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดำเนินไปถูกทาง เพราะตอนแรกทั้งสองประเทศมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่เมื่อบังคับใช้มาตรการเชิงรุกจริงจังต่อเนื่อง ก็ทำให้สถานการณ์ผ่านภาวะวิกฤตมาได้
อย่างไรก็ตาม มาตรการปิดเมืองและการเก็บข้อมูลบุคคลเพื่อติดตามเส้นทางการแพร่ระบาด ซึ่งนำไปสู่การควบคุมและป้องกันการสัมผัสหรือพบปะผู้ติดเชื้อ้พิ่มเติม ถูกวิจารณ์ว่าเข้าข่าย 'ละเมิดสิทธิ' และมีข้อกังวลว่า รัฐบาลอำนาจนิยมบางแห่งอาจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้นอกเหนือจากการรับมือโรคระบาด จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังและตรวจสอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดเก็บในระหว่างนี้ต่อไป แม้จะพ้นภาวะวิกฤตไปแล้ว
กรณีของจีน สิ่งที่ทำให้การปิดเมืองและกักตัวได้ผล เป็นเพราะรัฐบาลมีระบบกล้องวงจรปิด ที่เชื่อมโยงระบบออนไลน์ซึ่งครอบคลุมในหลายพื้นที่ ทำให้การติดตาม ตรวจสอบ และระบุตัวผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสทำได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เจ้าหน้าที่แกะรอยการระบาดของโรคได้อย่างครอบคลุม
ส่วนเกาหลีใต้ที่เพิ่งแถลงความสำเร็จในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันลงได้ ประเมินว่าประเทศน่าจะพ้นภาวะวิกฤตแล้ว หลังจากที่รัฐบาลทุ่มกำลังบุคลากรและงบประมาณในการตรวจสอบคัดกรองและกักตัวผู้ต้องสงสัยติดเชื้อจำนวนมากอย่างเร่งด่วนตั้งแต่สถานการณ์ยกระดับสู่ขั้นรุนแรง
การตรวจคัดกรองในเกาหลีใต้ไม่ใช่การสุ่มตรวจเฉพาะประชากรกลุ่มเสี่ยงเหมือนอีกหลายประเทศ แต่เป็นการเปิดให้ประชาชนทุกกลุ่มและทุกพื้นที่เข้ารับการตรวจได้ฟรี และทำงานด้านประชาสัมพันธ์ควบคู่กัน เพื่อให้ความรู้ประชาชนว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ หลังจากเกิดกรณีหญิงสูงอายุเป็นผู้แพร่เชื้อรายใหญ่ หรือ super spreader ทั้งยังให้บริการอุปกรณ์ฆ่าเชื้อให้แก่ประชาชนในพื้นที่สาธารณะ และช่วยเหลือด้านเสบียงอาหารแก่ประชาชนที่ถูกสั่งกักตัวในที่พัก
ด้วยเหตุนี้ อิตาลีน่าจะรอดพ้นวิกฤตได้ในไม่ช้า ถ้าเรียนรู้วิธีการจากจีนและเกาหลีใต้
Sky News รายงานว่า 'จูเซปเป คอนเต' นายกรัฐมนตรีอิตาลี เรียกมาตรการปิดเมืองนี้ว่าเป็นการเก็บตัวอยู่ในบ้าน เพราะรัฐบาลมีคำสั่งให้คนทำงานจากบ้านหรืองดเดินทางออกไปตามที่ต่างๆ โดยไม่มีความจำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้แต่ละบุคคลติดเชื้อ หรือแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอิตาลีไม่ได้สั่งปิดบริการขนส่งมวลชนหรือสนามบินต่างๆ ทั่วประเทศ เพราะต้องเตรียมตัวเผื่อไว้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน แต่เที่ยวบินเข้าและขาออกจากอิตาลีมีจำนวนจำกัด และต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากผู้มีอำนาจก่อนทุกครั้งว่าสามารถเข้าประเทศได้หรือต้องถูกกักตัว 14 วัน ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทางของผู้เดินทางเข้าอิตาลี
ขณะที่ถนนสายหลักสำหรับยานยนต์ต่างๆ จะมีการตั้งด่านตำรวจตรวจสอบเอกสารและเหตุผลในการเดินทางระหว่างเมืองของผู้ขับขี่ยานพาหนะเหล่านี้ รวมถึง 'ขอความร่วมมือ' ชาวอิตาลีงดเดินทางไปต่างถิ่นในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นฉุกเฉินใด
ส่วนกิจกรรมกลางแจ้งหรือในอาคารต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา รวมถึงการออกร้านค้าขายต่างๆ ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป จนกว่ารัฐบาลจะประเมินสถานการณ์ได้ชัดเจนกว่านี้ เช่นเดียวกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศที่ถูกปิด แต่นักเรียนนักศึกษายังสามารถเรียนต่อได้ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลออนไลน์
ส่วนผลกระทบจากการปิดเมืองและออกคำสั่งห้ามทำกิจกรรมมีอยู่บ้าง เนื่องจากเกิดจลาจลในเรือนจำหลายแห่ง และมีผู้เสียชีวิตราว 6 ราย เพราะผู้ต้องขังไม่พอใจที่ทางการออกคำสั่งห้ามคนเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำ เพื่อป้องกันโรคโควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: