อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ 2563 แล้ว ซึ่งนำเสนอให้ ครม. เพื่อเสนอรัฐสภาต่อไป ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 75
ณ วันสิ้นปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลมีสินทรัพย์ รวมทั้งสิ้นจำนวน 7,951,674.99 ล้านบาท หนี้สินและภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้นจำนวน 7,434,034.96 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลมีสินทรัพย์สุทธิ จำนวนทั้งสิ้น 517,640.03 ล้านบาท
รัฐบาลมีรายได้รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,564,392.65 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน จำนวน 111,833.72 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.18 ประกอบด้วย รายได้แผ่นดินจากหน่วยงาน เงินนำส่งจากหน่วยงาน และเงินปันผลของแผ่นดิน ส่วนเกินมูลค่าพันธบัตรตัดจำหน่าย กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้อื่น
นอกจากนี้ รัฐบาลมีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน 3,502,819.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 481,585.98 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.94 ประกอบด้วย รายจ่ายจากเงินงบประมาณจากหน่วยงาน ค่าใช้จ่ายตามมาตรการของรัฐ ค่าใช้จ่ายอุดหนุนหน่วยงานภาครัฐ และค่าใช้จ่ายอื่น
ผลจากการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2563 รายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ 938,427.08 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดคงเหลือ ณ วันปลายงวด 30 กันยายน จำนวน 611,381.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 73,956.64 ล้านบาท และ เงินคงคลังในปีงบประมาณ 2563 มีรายรับสูงกว่ารายจ่าย จำนวน 58,149.24 เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 179,630.56 ล้านบาท
นอกจากนี้ ครม. ยังรับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และ อปท.สิ้นสุด ณ 30 กันยายน 2563 กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง
สรุปงบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินงานการเงิน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปว่า ผลการดำเนินงานทางการเงินในภาพรวมของรัฐ ลดลงจากปีก่อนเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เมื่อนำผลการดำเนินงานทางการเงินของหน่วยงานของรัฐอื่นๆ มารวมกับผลการดำเนินงานของรัฐบาล (รายงานการเงินแผ่นดิน) จะมีผลการดำเนินงานทางการเงินสุทธิดีขึ้น
เนื่องจากหน่วยงานของรัฐมีการจัดเก็บรายได้อื่นที่ไม่ต้องส่งคลัง เช่น กองทุน มหาวิทยาลัยและองค์กรมหาชน เป็นต้น รวมทั้งผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ที่มีผลประกอบการที่ดีเป็นบวก เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังมีผลการดำเนินงานทางการเงินเป็นบวกจากที่ยังคงได้รับรายได้ภาษีจัดสรรและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล จะทำให้ภาพรวมของภาครัฐมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายสุทธิ ทั้งสิ้น 39,229.32 ล้านบาท รวมทั้งรัฐบาลยังจะได้ให้ความสำคัญในการจัดเก็บรายได้ โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ราชพัสดุ เพื่อนำสินทรัพย์ของภาครัฐมาสร้างรายได้ให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย