วันที่ 13 ธ.ค. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมวงเสวนาหัวข้อ “คนไทยถาม นายกฯ เศรษฐาตอบ” โดยช่วงแรกพิธีกร ได้ทักทายนายกรัฐมนตรีเรื่องการเล่นฟุตบอล ที่ทีมโปรดอย่างลิเวอร์พูลชนะและขึ้นนำจ่าฝูงในพรีเมียร์ลีก ว่า ในคณะรัฐมนตรี ก็มีทีมลิเวอร์พูลอยู่หลายคน ก่อนที่จะตอบคำถามจากประชาชนที่ถามเข้ามาเรื่องของการศึกษา ว่าจะต้องส่งเสริมให้เด็กได้เข้าเรียนทุกคน
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ สำหรับนักศึกษาที่จบปริญญาตรี นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีการทำเพดานเป็นระดับขั้น ซึ่งเชื่อว่าภายใน 4 ปีจะถึง 25,000 บาทต่อเดือน และเอกชนก็ควรจะนำไปปรับขึ้นเช่นกัน สำหรับค่าแรงที่คณะกรรมการไตรภาคีเสนอมาทุกคนทราบอยู่แล้วว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย เช่น ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นค่าแรง 2 บาท ซื้อไข่หนึ่งฟองยังไม่ได้ ซึ่งในวงการสื่อฯเองก็เงียบเรื่องนี้ให้เสียงดังขึ้น และอยากให้ประชาชนออกมาพูดทั้งเรื่องกฎหมายสิทธิ์ต่างๆว่าสามารถทำได้หรือไม่ ขึ้นค่าแรง 300 บาท เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ผ่านมา 10 ปีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 337 บาท ขึ้นเพียง 12% ท่านรับได้หรือไม่หากลูกหลานของท่านจะได้รับเงินเดือนจำนวนนี้ ถ้าเป็นเด็กจบจากเมืองนอกเงินเดือน 30,000 กว่าบาท ผู้ปกครองจะรับได้หรือไม่
นายกรัฐมนตรี ยังตอบคำถามเรื่องหนี้นอกระบบ ว่า ปัญหานี้นอกระบบไม่แน่ใจว่ารัฐบาลที่ผ่านมาทำอะไรมาเกี่ยวกับหนี้นอกระบบแต่เรื่องนี้เป็นปัญหายาวนานกับสังคมไทย เป็นสารตั้งต้นของปัญหาทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาสังคม กินไม่พอเป็นหนี้ 10,000 บาทใช้ไปแล้ว 30,000 บาท แต่เงินต้นก็ยังอยู่ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นอีกเรื่องที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้
ส่วนเงินหมื่นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะได้เมื่อไร เอาจากไหนมาให้ประชาชนจะเป็นหนี้สินหรือไม่ นายกฯ ยืนยันว่า มีกลไกลตรวจสอบได้ เพื่อให้มีการสอบถามอย่างถูกต้องให้สังคมหมดข้อกังวล ซึ่งอย่างเร็วสุดคาดว่าจะเป็นเดือนพฤษภาคม 2567 แต่ในความคิดของตนน่าจะเร็วกว่านี้
ส่วนการที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ก็ยังมีความผันผวน ไม่สามารถที่จะลดยั่งยืนได้ ส่วนการลดค่าไฟก็ต้องดูว่าก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามาค่าไฟอยู่ที่ 4.50 บาทต่อหน่วย แล้วลดลงมาที่ 4.20 บาท ล่าสุดลงมาที่ 3.99 บาท ซึ่งจะหมดในเดือนมกราคมนี้ ส่วนราคาค่าไฟต่อจากนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 4.20 บาท
สำหรับปัญหาราคายางพาราและปาล์มน้ำมันนั้น นายกฯ บอกว่า ไม่ได้อยากพูดแค่เรื่องยางหรือปาล์ม แต่อยากให้มีรายได้สุทธิเพิ่ม ไม่ใช่ว่าราคาพืชผลขึ้นแล้ว รายจ่ายเพิ่มขึ้น ดังนั้นเรื่องของการใช้องค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมด้านการเกษตร การใช้ปุ๋ย
สำหรับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า นายกฯ ยอมรับว่า เป็นปัญหาเบอร์ใหญ่ เวลาลงพื้นที่ชาวบ้านมักสะท้อนปัญหา ซึ่งต้องมีการตัดต้นทางของยาเสพติด กฎหมายเก่าก่อนที่จะเผาทำลายใช้ระยะเวลานานมากและเป็นที่สงสัยของสังคมว่ามีการรั่วไหลหรือไม่ จากนี้ไปมีการคุยกันแล้วจะแก้กฎหมายถ้าจับได้พิสูจน์ได้จะเผาทันที ขอให้รอฟังการแถลงข่าวที่จะมีการเผายาเสพติดอย่างยิ่งใหญ่ 16 ธันวาคมนี้ พร้อมย้ำว่า ปัญหานี้มีการตั้ง KPI ที่ 4 ปีต้องหมดไป มันเหลือแต่เรื่องปากท้อง ฝุ่น pm 2.5
ส่วนการแก้ปัญหาอาวุธปืนและผู้มีอิทธิพลนั้น นายกฯ กล่าวว่า ปัญหาปืนแก้ไขง่าย เพราะเราไม่ได้มีอุตสาหกรรมปืนเหมือนสหรัฐฯ แต่ต้องมีการพูดคุยในการเข้าถึงอาวุธปืน และการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนลดการเดินทางเข้าไทย เพราะยังมีการเข้าถึงอาวุธปืนสูง จากเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เราก็ต้องแก้ไข
ส่วนคำถามจากประชาชนที่ถามจุดยืนนายกฯ เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม นายกฯ ก็เชื่อว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ถ้าเกิดได้ในรัฐบาลนี้จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างปลอดภัย มีเสถียรภาพ รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เพราะฉะนั้นการนิรโทษกรรมเป็นเรื่องของรัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติ
ส่วนความเหมือนและความต่างที่รัฐบาลปี 2556 เคยออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น นายกฯ บอกว่า เรารู้ว่าเรื่องอะไรที่สังคมรับได้ รับไม่ได้ เชื่อว่าฝ่ายนิติบัญญัติทราบดี เพราะมาจากการเลือกตั้ง ต้องฟังเสียงประชาชน เนื่องจากเรียนรู้มาแล้ว
ส่วนปัญหาฝุ่น pm 2.5 จะมีการออก พ.ร.บ.อากาศสะอาดทันทีที่สภาเปิด โดยมองว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเศรษฐกิจเพราะมีการเผาตอซังข้าว ข้าวโพด จึงต้องมีองค์กรที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการ และหากเผาต้องมีการจ่ายภาษี เพื่อนำเงินมาดูแลแก้ปัญหานี้ และรัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด นายกฯ ยังบอกด้วยว่า ในการบริหารประเทศไม่อยากให้มีคำศัพท์ที่สวยหรูในการแก้ปัญหา แต่จะให้ง่ายในการทำธุรกิจ รัฐบาลที่มาจากประชาชน เราต้องเอาหลังพิงประชาชนถ้าประชาชนเดือดร้อนเรื่องอะไรก็ต้องไปดูเรื่องนั้น
“ความสุขของพี่น้องประชาชนเรื่องที่ประชาชนอยากได้ เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีในคณะของผมตระหนักดี ของขวัญของประชาชนหมายถึงที่ผมจะมอบให้ ไม่ใช่ขึ้นค่าแรง ราคาพืชผลหรืออากาศสะอาด เรื่องราวนี้เป็นหน้าที่อยู่แล้ว ที่รัฐบาลนี้จะต้องทำให้ได้ แต่ของขวัญที่อยากจะมอบให้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่จับต้องได้ แต่ผมจะให้คำมั่นว่ารัฐบาลนี้จะเอาความต้องการของพี่น้องประชาชน จะเอาปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง เราทุกคนในที่นี้ รัฐมนตรีทุกท่านจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ นำความสงบสุขมาให้ประชาชน” เศรษฐา กล่าว