เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ส.ค. 2565 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ ในการประชุมใหญ่วิสามัญ พรรครวมแผ่นดิน (เดิมชื่อ พรรคพลังชาติไทย) ครั้งที่ 1/2565 วาระพิจารณาเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรค และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ . สมาชิกพรรคได้เลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารชุดใหม่ รวม 14 คน ผลเป็นดังนี้
1) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรค
2) บุญญาพร นาตะธนภัทร รองหัวหน้าพรรค
3) พล.อ.สุรวัช บุตรวงษ์ รองหัวหน้าพรรค
4) พล.ต.พิชิต บุตรวงษ์ รองหัวหน้าพรรค
5) จำลอง ครุฑขุนทด เลขาธิการพรรค
6) ณัฐพล ทองคำ เหรัญญิกพรรค
7) มนตรี พรมวัน นายทะเบียนสมาชิกพรรค
8) คมสัน พันธุ์วิชาติกุล โฆษกพรรค
9) ชิงชัย ก่อประภากิจ กรรมการบริหารพรรค
10) มาโนช อุณหกาญน์กิจ กรรมการบริหารพรรค
11) เฉลิมพล ระดาพัฒน์ กรรมการบริหารพรรค
12) สุรียา ยีลูมา กรรมการบริหารพรรค
13) กานดา ถาวรประพาฬ กรรมการบริหารพรรค
14) พ.อ.ธีรเดช เบญจาธิกุล กรรมการบริหารพรรค
จากนั้น พล.อ.วิชญ์ ได้กล่าวขอบคุณสมาชิก พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ในฐานะหัวหน้าพรรค โดยระบุว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด สิ่งสำคัญที่สุดคือ สร้างความสามัคคีปรองดองเป็นหนึ่งเดียว เพื่อจะทำให้พรรคเกิดความสำเร็จ มุ่งให้ทุกฝ่ายทุกอาชีพ หันหน้าเข้าหากัน ลดละความขัดแย้งต่างๆ รับฟังกัน ขอให้พรรครวมแผ่นดินเป็นอีกตัวเลือกในการเลือกตั้งครั้งหน้า
"พรรครวมแผ่นดินเป็นพรรคการเมืองยุคใหม่ที่รวบรวมผู้มีความรู้ความสามารถ มีทุกเพศทุกวัย มาที่ผ่านมาจะตามความเห็นแต่พวกเรามีอุดมการณ์เดียวกัน คือมุ่งลดความขัดแย้งทางการเมืองปรองดองประสานงานกับทุกฝ่าย" พล.อ.วิชญ์ กล่าว
พล.อ.วิชญ์ ระบุว่า พรรครวมแผ่นดิน ตั้งเป้าหมายเป็นพรรคขนาดกลาง และกวาด ส.ส. 25 คน ขึ้นไป โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมย้ำว่าอย่าเพิ่งไปถึงเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เราเน้นแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน และเศรษฐกิจเป็นหลัก
ส่วนแคนดิเดตนายกฯ มีโอกาสมีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ตนและ พล.อ.ประยุทธ์ เคยทำงานร่วมกันมา ชื่อของท่านอยู่ในใจตนตลอด แต่การเมืองเป็นอีกเรื่อง อนาคตอาจจะมีคนที่ดีกว่าท่าน เราก็สนับสนุนคนที่ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศอยู่รอด
สำหรับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และสูตรคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของสภา เราคงไม่ไปก้าวล่วงตรงนั้น ไม่ว่าจะสูตรใด เรายืนยันจะลงเลือกตั้ง และทำให้ประชาชนมีความสุข
เมื่อถามว่าพรรครวมแผ่นดินจะมีจุดยืนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.วิชญ์ ย้ำว่า เราเป็นพรรคของประชาชน ทำทุกอย่างเพื่อประชาชนเป็นหลัก สิ่งไหนที่ถูกหรือไม่ถูก ถ้าประชาชนต้องการสิ่งใดเราก็จะทำตามลักษณะนั้น
"ผมไม่เคยเป็นนั่งร้าน และไม่เคยสร้างนั่งร้านที่บ้านตัวเองด้วย ไม่เคยมี ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ทุกคนเข้าใจอยู่แล้วว่า ผมอยู่ใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ก็ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเป็นทหารอยู่ จ.สระแก้ว เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในทางการเมือง ผมได้บอกท่านแล้วว่า ผมขอตั้งพรรคการเมือง ของเราเอง ของผมเอง ท่านก็บอกว่า เอาสิ ลองไปทำดู ไม่เกี่ยวกับท่านเลย มีอะไรก็ต้องปรึกษาท่าน เพราะผมเองเคารพท่านเหมือนพ่อคนหนึ่ง ที่ท่านได้ดูแลผมมาตั้งแต่เริ่มต้น" พล.อ.วิชญ์ กล่าว
สำหรับการถอดบทเรียนจากสมัยพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ตนพยายามทำงานให้ พล.อ.ประวิตร มาตลอด ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พยายามทำให้ดีที่สุด ตนยังใหม่การเมือง อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่การกลับมา ไม่มีอะไรมาก เพราะยังคิดสมาชิกที่ดึงไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทยตั้งแต่เริ่ม หากปล่อยเขาไปในสิ่งที่เขาไม่อยากเป็น ออกไปเฉยๆ แบบนี้ก็ไม่ถูก จึงต้องหันกลับมาใหม่ ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง พร้อมปฏิเสธว่าจะไม่มีการทาบทาม หรือดึง ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ
"ไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้น และจะไม่ทำอย่างนั้น ถ้าคนจะมาอยู่ร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องไปดึงหรือทาบทามมา ขอคนที่สมัครใจมาช่วยกันดีกว่า"
พล.อ.วิชญ์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ตนอายุย่างเข้า 72 ปี เพิ่งเข้ามาสู่การเมือง โดยไม่เคยคิดจะมา แต่ถ้าเราเห็นแก่ตัว ไม่คิดทำอะไรให้บ้านเมืองคงไม่ได้ เราควรต้องเสียสละเท่าที่ทำได้ จะอยู่จุดไหนก็สามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องมาเล่นการเมืองแบบตน
สำหรับผู้สมัคร ส.ส. 400 เขต ในเมื่อตั้งเป้าเป็นพรรคขนาดกลาง คงไม่ส่งหมดทุกเขต ส่วนไหนคิดว่าพอสู้ได้ก็จะส่ง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ส่วน ส.ส. 25 เสียง ที่ตั้งเป้าไว้ มีพื้นที่ภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่เผยจังหวัด รวมถึงภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน บางส่วน
ด้าน จำลอง ครุฑขุนทด อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมแผ่นดิน กล่าวว่า เวลานี้ความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต จึงตั้งใจสร้างพรรคการเมืองที่เป็นความหวังให้กับประชาชนอย่างถาวร ไม่ใช่เพียงเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น โดยใช้หลักมัชฌิมาปฏิปทา ไม่มีศัตรู หันหน้าเข้าหากัน เปิดรับคนทุกฝ่าย ทุกความคิด ทุกรุ่น มาช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วย พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้เตรียมตัวจะย้ายมาสังกัดพรรคนี้แต่อย่างใด เนื่องจากเป็น "คนละน้ำกัน"