วันที่ 23 ก.พ. 2567 ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพร้อมคณะเข้าพบ เข้าพบกับผู้บริหารของสายการบิน Air Astana โดยมี อาเดล เดาเลทเบก รองประธานฝ่ายการบินอัสตานาเพื่อการตลาดและการขาย เยอร์โบลัต ไบซาลีคอฟ รองอาวุโสประธานฝ่ายรายได้เครือข่ายและการพาณิชย์การวางแผนและคาร์ลีกาช โอเมอร์บาเยวา ผู้อำนวยการการตลาด
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวได้พบปะกับนักลงทุนพร้อมนำการแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยที่เป็น Soft power ทั้งการแสดงมวยไทย และ Maha Songkran World Water Festival เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ที่จะจัดขึ้นในเดือนเมษายนนี้
จักรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทแอร์อัสตานาดีใจที่ประเทศไทยให้ฟรีวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานต่ออีก 6 เดือน ซึ่งทางรัฐบาลคาซัคสถานได้วางแผนจะเพิ่มเที่ยวบินตรงไปประเทศไทย มากขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์กับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาที่ตั้งเป้าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน เดินทางเข้าประเทศไทย 200,000 คน ฝ่ายบริหารของคาซัคสถานจึงเตรียมเพิ่มเที่ยวบินทั้งจากภูเก็ตและกรุงเทพมหานคร และเดือนเมษายน สายการบินแอร์อัสตานา ก็จะไปดูพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาที่จะเอาเที่ยวบินมาลง
ขณะเดียวกัน คาซัคสถานก็ตอบกลับมาว่าหากมีการเพิ่มเที่ยวบินตรงไปกรุงเทพฯ โอกาสที่จะขนส่งสินค้าเกษตรจากไทยมาคาซัคสถานก็จะมีมากขึ้น และพร้อมจะเปลี่ยนเครื่องบินให้มีขนาดใหญ่ไป เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเพิ่มมากขึ้น และจากการที่ได้ไปสำรวจในเมืองอัสตานา สินค้าผลไม้ไทยมีราคาที่สูงมาก อย่างเช่น มังคุดขายลูกละ 60 บาท ส่วน มะม่วงลูกละ 200 บาท หากมีช่องทางที่จะส่งสินค้าเหล่านี้มาขายในคาซัคสถานได้ ก็จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่วันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะพร้อมนักแสดงมาโปรโมทซอฟต์พาวเวอร์ของไทยทั้งเทศกาลมหาสงกรานต์ ที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายนนี้ และมวยไทย ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจของชาวคาซัคสถานถึง 20,000 คน เชื่อว่าจะสามารถดึงเอาเม็ดเงินหลายหมื่นล้านจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้าประเทศไทยได้อีกจำนวนหนึ่ง
จักรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากกลับจากการหารือครั้งนี้ ในเดือนเมษายน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการการกระทรวงการต่างประเทศของคาซัคสถานจะเดินทางไปเยือนประเทศไทยพร้อมกับจะมีการเซ็น MOU ร่วมกัน 3 ฉบับคือ ด้านสินค้าเกษตร การท่องเที่ยวและวีซ่าฟรี ซึ่งเรื่องสินค้าเกษตร ถือเป็นครั้งแรกที่จะมีการตั้งกลุ่มเพื่อติดตามว่ามีปัญหาด้านไหนในการส่งสินค้าเกษตรออกมาขายในคาซัคสถาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็พร้อมที่จะดำเนินการในการตั้งกลุ่มขึ้นมาติดตามเรื่องนี้ เช่นเดียวกับคาซัคสถานที่สนใจอยากจะส่งเนื้อสัตว์เข้ามาขายในประเทศไทย และผลของการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ ก็เชื่อว่าจะสามารถดึงเอาเม็ดเงินเข้าไปประเทศไทยได้เป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่นายกรัฐมนตรีต้องการจะให้เป็นส่วนสำคัญในเศรษฐกิจไทย