ไม่พบผลการค้นหา
‘เศรษฐา’ ยืนยันเป๋าเงินดิจิทัลโดนใจประชาชน ไม่สะดุดแจง กกต. ได้ ไม่หวั่นงบฯ รายจ่ายเหลือ 2 แสนล้าน ได้คิดรอบคอบแล้ว ขอให้ประชาชนตัดสิน 14 พ.ค. พร้อมโชว์ท่าเบ่งกล้ามโชว์แข็งแกร่ง ยังไหวชี้แจงถึงวันเลือกตั้ง

12 เม.ย. 2566 ที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย หากได้เป็นรัฐบาล แล้วมีงบประมาณรายจ่ายประจำเหลืออยู่ 2 แสนล้านบาทแล้วจะเพียงพอต่อการผลักดันนโยบายนี้หรือไม่ โดยยืนยันงบฯ ที่เหลือ 2 แสนล้านบาทไม่มีปัญหา ส่วนกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเป็นห่วงกรณีนโยบายเติมเงินกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้น ยืนยันนโยบายนี้ตรงใจประชาชนและโดนใจ เพราะทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ได้คิดมาอย่างรอบคอบแล้ว แต่หากจะให้นำนโยบายนี้ไปเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองอื่นก็คงจะไม่ใช่ทางของตนเอง หากลองศึกษานโยบายดูจะพบว่าในบางพรรคการเมืองใช้เงินค่อนข้างมาก เช่น กรณีจ่ายเงิน 700 บาท ต่อเดือนให้ผู้มีสิทธิกว่า 20 ล้านคน ก็ใช้งบประมาณกว่า 8 แสนล้านบาทแล้ว ซึ่งการให้แบบนี้เป็นการให้แบบหยอดน้ำข้าวต้ม เพราะประชาชนเดือดร้อนมานาน แต่ของพรรคเพื่อไทยเป็นการให้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่

เศรษฐา ระบุว่า จริงๆไม่ใช่วิสัยของพรรคเพื่อไทยที่จะไปดูนโยบายคนอื่น แต่หน้าที่ของแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทยมีหน้าที่เดินสายพบปะประชาชนกระจายนโยบายดีๆให้ประชาชนรับทราบ หน้าที่แต่ละพรรคก็มีหน้าที่เสนอนโยบายต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินในวันที่ 14 พ.ค.นี้

เมื่อถามว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการเรียกให้ชี้แจงใน 7 วัน กังวลว่านโยบายเติมเงินดิจิทัลจะสะดุดหรือไม่ เศรษฐา ระบุว่า มั่นใจทุกนโยบายฝ่ายกฎหมายจะสามารถชี้แจงกับ กกต. ได้ และเมื่อได้เข้าไปเป็นรัฐบาลแล้วจะสามารถเดินหน้านโยบายได้โดยไม่มีอุปสรรค และจะทันต่อที่เคยประกาศไว้ว่าจะเริ่มต้นนโยบายได้ทันทีในต้นปี 2567 แต่ต้องขึ้นอยู่กับการประกาศรับรอง ส.ส. ด้วยว่าขั้นตอนดังกล่าวจะรวดเร็วเพียงใด มั่นใจว่านโยบายพรรคเพื่อไทยดีและเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน 

ส่วนโครงการที่หน่วยงานด้านการเงินการคลังของประเทศเป็นห่วงเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่เหลือให้ใช้จ่ายได้อีก 2 แสนล้านบาท อาจจะไม่เพียงพอต่อการทำนโยบายประชานิยมนั้น เศรษฐา ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย สามารถหาเงินมาเติมได้ ภายใต้อัตราการเก็บภาษีเท่าเดิม ทั้งภาษี VAT และภาษีนิติบุคคล ซึ่งทีมเศรษฐกิจได้คิดถึงช่องทางการหาเงินงบประมาณไว้หมดแล้ว และไม่กระทบกับเรื่องค่าเงินบาท ไม่ได้เกี่ยวข้องเงินสกุลอื่นๆ 

เศรษฐา กล่าวว่า การที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายนี้อาจเป็น เพราะเป็นนโยบายที่โดนใจได้รับความสนใจจากประชาชนมาก และพรรคอื่นอาจจะกังวลใจที่เพื่อไทยออกนโยบายนี้ ซึ่งนั่นเป็นเพราะพรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น 

เมื่อถามว่า กกต.ตั้งเป้าเพ่งเล็งที่พรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะ เศรษฐา ระบุว่า ทั้งนี้ ตลอดการหาเสียง หากยังถูกโจมตีเรื่องนี้อยู่ก็ไม่กังวล เพราเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตนไม่ขอมองว่า กกต. พุ่งเป้าเพื่อจะเอาผิดกับพรรคเพื่อไทย แต่ กกต. ทำตามหน้าที่ของกกต. และพรรคก็พร้อมเคารพต่อการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระ ไม่มีปัญหาพร้อมชี้จงตลอด และขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เมื่อถูกถามทุกวันตนก็พร้อมตอบทุกวัน เราชี้แจงได้ทุกวัน

เมื่อถามว่า ยังไหวที่จะต้องชี้แจงนโยบายนี้ไปตลอดจนกว่าจะมีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นหรือไม่ เศรษฐาพร้อมยกแขนทำท่าเบ่งกล้ามโดยระบุว่า “ไม่มีปัญหา ครับแข็งแกร่งครับ สู้ครับ”