นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อนโยบายการเรียนออนไลน์ของกระทรวงศึกษาธิการสรุปว่า หัวใจสำคัญสูงสุด คือ ความไม่พร้อมของผู้ปกครอง เรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง ที่พอแก้ไขได้ อย่าลืมว่า 5 - 6 ปี ที่ผ่านมาก่อนมีไวรัสโควิด-19 ระบาด รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องได้ ส่งผลให้ตัวเลขคนจนพุ่งพรวด เห็นได้จากมีผู้ไปจดทะเบียนคนจน กว่า 14 ล้านคน
หลังโควิด-19 แพร่ระบาด ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ได้เกิดความบกพร่องในการบูรณาการแผนงานปิดเมือง และการปิดกิจการบางประเภท ระหว่างเมืองกับชนบท ส่งผลให้เกิดคนจนเฉียบพลัน ตัวเลขคนที่เดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจขอเงินเยียวยาพุ่งพรวดไปถึง 30 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ พล.อ.ประยุทธ์ ฯ ประชาสัมพันธ์เอง
ดังนั้น จากสภาพการณ์ความยากจนของผู้ปกครองภายใต้การบริหารของรัฐบาลนี้ก่อนโควิด-19 มา และมาถูกซ้ำเติมจากพิษโควิด-19 ซ้ำอีก ต้องยอมรับความจริงว่า ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่ย่ำแย่ ไม่พร้อมในการสนับสนุนการเรียนออนไลน์ของเด็กนักเรียน ลำพังผู้ปกครองจะประคับประคองชีวิตให้ครอบครัวพออยู่ พอกิน ยังลำบาก ดังนั้น นโยบายการเรียนออนไลน์จึงเสมือนกับการผลักภาระให้ผู้ปกครองรับภาระมากขึ้นโดยปริยาย
โดยนายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลายครอบครัวจำนวนมาก หวังให้ลูกฝากท้องไว้กับโครงการอาหารกลางวันที่โรงเรียน ดังนั้น สิ่งที่สังคมควรฉุกคิด ช่วยกันพิจารณาว่า ทำอย่างไรเปิดเทอมที่จะถึงนี้ โครงการอาหารกลางวันถึงจะมีคุณภาพ เด็กๆ ได้รับประทานอาหารครบหมู่ การเรียนถึงจะมีคุณภาพ ผู้ที่มีฐานะพอจะแบ่งปันให้ลูกหลานของเราได้มีอาหารกินอิ่มท้องในช่วงโรงเรียนเปิด โปรดช่วยกันหาแนวทางไว้ด้วย โดยเฉพาะศิษย์เก่าแต่ละโรงเรียน เมื่อมีความพร้อม ควรจะกลับมาดูแลรุ่นน้องๆ ได้บ้างอย่างไร
ส่วนการเรียน การสอน ขอให้กระทรวงศึกษาธิการได้เปิดตามปกติ โดยควรกระจายอำนาจให้โรงเรียนพิจารณาโดยความเห็นชอบของ สคบ.จังหวัด พิจารณาเปิดสถานศึกษาตามความเหมาะสม หากเปิดการเรียนออนไลน์ เปิดบ้าง ไม่เปิดบ้าง ตามความพร้อมของแต่ละสถานศึกษา ความเหลื่อมล้ำจะยิ่งมากขึ้นๆ จึงขอให้ทบทวนนโยบายการเรียนออนไลน์ เพราะผู้ปกครองในชนบทจำนวนมากยังไม่พร้อม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง