ไม่พบผลการค้นหา
'ชยิกา' ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แนะ คิดให้ดีก่อนโหวตนายกฯ ระวังตราบาปพายเรือให้ใครนั่ง - ทำประชาธิปไตยบิดเบี้ยวกระทบเศรษฐกิจ ต่างประเทศไม่เชื่อมั่น

นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชน ยืนยันจุดยืนในการลงมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีว่า จะต้องหยุดพยายามหาตรรกะบิดเบี้ยวมาโทษคนอื่น หรือมาลดทอนความชั่วร้ายที่ไม่จำเป็น เพราะการตัดสินใจใด ๆ ในวันพรุ่งนี้ในฐานะสถาบันพรรคการเมือง จงรับผิดรับชอบกับการตัดสินใจและผลลัพธ์ที่จะเกิดจากนั้น การที่สีส้มโหวตให้กับสีน้ำเงินเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตัวเองยังขอกลับมายืนในฐานะฝ่ายค้านนั้น นอกจากไม่ได้ทำให้ดูเป็นฮีโร่ หรือทำให้เชื่อได้ว่านี่คือ ความชั่วร้ายที่จำเป็นแล้ว ที่ชัดเจนคือการทำให้ประชาธิปไตยบิดเบี้ยว ส่งผลร้ายกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และกระทบต่อความน่าเชื่อถือของไทยในเวทีโลกแน่นอน

นางสาวชยิกา ยังเห็นว่า จะผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตยในการปล่อยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ละเลยเพิกเฉยต่อเสียกเรียกร้องของประชาชนผู้สนับสนุนพรรค เท่ากับเป็นการยอมรับอำนาจนอกระบบไปในตัว ตั้งแต่ คดีฮั้ว สว.ตลอดจนองค์กรอิสระ ที่อาจใช้คดีในการไล่ล่าทางการเมือง ซึ่งตอกย้ำ ให้เห็นชัดเจนว่า อุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบสวยหรูในวันที่พรรคอนาคตใหม่ถูกก่อตั้งขึ้น ได้ตายไปด้วยน้ำมือของนายทุนใหญ่ บ้านใหญ่ ได้กลืนแนวคิดที่อนาคตใหม่-ก้าวไกล-ประชาชนต่อต้าน ให้สีส้มกลายเป็นสีน้ำเงินได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนั้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ที่นอกจากพรรคส้ม จะสอบตกทางการเมืองแล้ว การตัดสินใจจะโหวตให้นายกรัฐมนตรีสีน้ำเงินซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่ได้จริงใจจะยุบสภาจริง ยังแสดงให้เห็นว่าขาดประสบการณ์ทางด้านงานบริหารอีกด้วย เพราะการไม่มองถึงเรื่องงบประมาณ 2569 ที่เสียงโหวตนายกรัฐมนตรี กำลังจะกลายเป็นการตีเช็คเปล่า ส่อเอื้อประโยชน์ให้มีการนำงบประมาณไปใช้ในทางที่ผิดในระยะ 4-10 เดือนหรือไม่ เช่นนั้นแล้ว หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในครั้งหน้า จะต้องมีความจำเป็นใช้งบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็คงทำได้ล่าช้า ไม่ต่างอะไรกับปีงบประมาณ 67 สมัยรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ที่ต้องประสบในช่วงแรก และคนที่เดือดร้อนที่สุดจะกลายเป็นพี่น้องประชาชนที่ต้องเจอภาวะ "งบกระจุก จนกระจาย" เพราะแต่ละนโยบายที่เร่งทำ เป็นนโยบายที่สร้างภาระงบประมาณ ไม่ได้เน้นการสร้างรายได้ทั้งสิ้น

นางสาวชยิกา ยังเห็นว่า ยังมีผลกระทบต่อประเทศไทยในเวทีโลกด้วย ที่สถานการณ์การเมืองภายใน ที่ยังคงเอื้อต่ออำนาจนอกระบบย่อมทำให้เสถียรภาพทางการเมืองการอ่อนแอ จะส่งผลให้ชาวต่างชาติ ขาดความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ พร้อมขอชวนให้คนไทย จับตาการเดินหน้าเพื่อทวงความรับผิดชอบของผู้นำกัมพูชาต่อการสูญเสียของทหารที่เหยียบทุ่นระเบิดถึง 6 ครั้ง และการโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกเป้าว่า จะยังเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหากไม่เดินต่อก็เกรงประชาคมโลกอาจจะเข้าใจได้ว่า ผู้นำไทย รู้เห็นเป็นใจกับการปล่อยให้ผู้นำกัมพูชาใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศเพื่อแลกมาซึ่งอำนาจและความนิยมของตัวเอง 

นางสาวชยิกา ยังย้ำว่า จะลืมคดีเขากระโดง หรือแม้แต่คดีโกงเงินประกันสังคม ที่เคยต่อสู้มาไม่ได้ เพราะที่ต่อสู้มาทั้งหมดเป็นศูนย์ไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้ อาจหนีไม่พ้นว่า สีส้มเป็นคนปล่อยให้เกิดขึ้น พร้อมเตือนว่า จากนี้ทุกการขานชื่อนายกฯ จะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และจะบันทึกไว้ตลอดไปว่า ใครคือส่วนหนึ่งของการพายเรือให้ใครนั่ง ซึ่งตอนนี้ยังมีเวลาเปลี่ยนใจทัน