ไม่พบผลการค้นหา
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยัน 'ไม่เป็นความจริง' กรณีมีผู้กล่าวอ้างว่าทหารกัมพูชาได้ยึดภูมะเขือ ย้ำ พื้นที่ภูมะเขือเป็นพื้นที่ที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ ฝ่ายไทยยึดถือแนวสันปันน้ำ และได้เก็บหลักฐานที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลง MOU 2543 สร้างถนนลัดเลาะตามไหล่เขาไว้แล้ว

ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อสาธารณะ กรณีมีผู้กล่าวอ้างว่าทหารกัมพูชาได้ยึดภูมะเขือ ซึ่งตั้งอยู่ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้

พื้นที่ “ภูมะเขือ” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวปราสาทเขาพระวิหาร ระยะห่างประมาณ 2.8 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นประเด็นพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา มาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 จากกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ให้ตีความคำพิพากษาเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร

ปัจจุบัน พื้นที่ภูมะเขือเป็นพื้นที่ที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิ์ โดยฝ่ายไทยยึดถือแนวสันปันน้ำตามแผนที่มาตราส่วน 1 : 50,000 ของกรมแผนที่ทหารเป็นแนวเส้นปฏิบัติการที่ใช้อ้างอิงในการปฏิบัติงาน ส่วนฝ่ายกัมพูชายึดถือแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000

ในห้วงเกิดข้อพิพาท ทั้งสองฝ่ายได้เคลื่อนกำลังเข้าแย่งยึดพื้นที่กัน ทำให้ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีฐานปฏิบัติการทางทหารของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาตั้งอยู่เผชิญหน้ากัน ไม่ใช่มีเฉพาะทหารกัมพูชาฝ่ายเดียวที่อยู่ในพื้นที่อย่างที่เป็นข่าว และที่ตั้งทางทหารของฝ่ายกัมพูชาก็ไม่ได้ล้ำแนวเส้นปฏิบัติการตามแผนที่ 1 : 50,000 ของฝ่ายไทยแต่อย่างใด

ในอดีต การเข้าถึงพื้นที่ด้านบนของภูมะเขือทางฝั่งกัมพูชา ใช้วิธีการสร้างกระเช้าและบันไดเป็นทางขึ้นสู่ยอดภูเขา เนื่องจากภูมิประเทศฝั่งกัมพูชามีลักษณะลาดชัน อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง ฝ่ายกัมพูชาได้สร้างถนนโดยลัดเลาะตามไหล่เขาในเขตกัมพูชา เพื่อใช้เป็นทางขึ้นสู่ด้านบนของภูมะเขือ

สำหรับกรณีการสร้างกระเช้าและถนนขึ้นสู่ยอดภูมะเขือดังกล่าว ฝ่ายไทยเห็นว่าเข้าข่ายเป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศหรือสิ่งแวดล้อมในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ซึ่งแม้จะไม่ได้ล้ำแนวเส้นปฏิบัติการของฝ่ายไทยก็ตาม แต่ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU 2543 ดังนั้น ฝ่ายไทยจึงได้ดำเนินการเก็บหลักฐาน และทำการประท้วงผ่านกลไกความร่วมมือทางทหารในระดับพื้นที่มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฝ่ายไทยจะยึดมั่นในจุดยืนที่สำคัญ ได้แก่ การไม่รุกรานใคร และยึดมั่นในการแก้ปัญหาด้วยหลักสันติวิธี แต่ยังคงพบเห็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มักละเมิดข้อตกลงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุให้ฝ่ายไทยไม่อาจเพิกเฉยต่อความกังวลที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งได้

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมในการปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน จึงเป็นภารกิจที่ทหารไทยต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เหมาะสมกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้าใจต่อมิตรประเทศและสาธารณชนในทุกช่องทาง เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลถูกบิดเบือนโดยผู้ไม่หวังดีในอนาคต

ภูมะเขือ