CNN รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกส์ ได้ตรัสถึงความในใจหลังพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์กรณีทรงลดบทบาทตำแหน่งเจ้าฟ้าอย่างเป็นทางการ โดยทรงขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานการกุศล ณ กรุงลอนดอน ระบุว่า “สหราชอาณาจักรคือบ้านของข้าพเจ้าอันเป็นที่ที่ข้าพเจ้ารัก และนั่นจะไม่มีวันเปลี่ยนไป”
พระองค์ยังตรัสต่อด้วยว่า “การตัดสินใจที่ข้าพเจ้าได้ทำลงไปเพื่อข้าพเจ้าและภรรยาไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆ มันเกิดจากการพูดคุยกันนานหลายเดือนและการก้าวผ่านความท้าทายตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าทราบดีว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำทุกอย่างได้อย่างถูกต้องเสมอ แต่เท่าที่ผ่านมาสำหรับเรื่องนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ”
“ความคาดหวังของข้าพเจ้าและภรรยาคือการเดินหน้าทำงานถวายสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประเทศในเครือจักรภพ และหน่วยงานด้านการทหาร ด้วยการไม่ยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณสาธารณะ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่มันคงเป็นไปไม่ได้”
การเปิดใจต่อสาธารณะครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้าร่วมงานการกุศลเพื่อ 'เซนเทบาเล' (Sentebale) องค์การการกุศลที่พระองค์ทรงก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 เพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ ณ กรุงลอนดอนPrince Harry spoke on Sunday for the first time since the Queen announced he and Meghan would no longer be "working members" of the royal family, with the prince saying there was "no other option." https://t.co/nMb1LK2XQO pic.twitter.com/SAWNKXCtj4
— ABC News (@ABC) January 19, 2020
พระองค์ตรัสต่ออีกด้วยว่า "ข้าพเจ้ายอมรับกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและทราบดีว่านี่จะไม่มีทางทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนไป หรือแม้แต่จะทำให้ข้าพเจ้ามีความมุ่งมั่นน้องลง ข้าพเจ้าหวังว่าท่านทั้งหลายจะเข้าใจว่าที่ข้าพเจ้าทำไปเพราะอะไร ข้าพเจ้าเลือกที่จะถอยครอบครัวออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าคุ้นเคย เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าไปตามเส้นทางที่หวังว่าจะเป็นวิถีชีวิตที่สงบสุข"
"ข้าพเจ้าเกิดมาในชีวิตนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับใช้ประเทศชาติและสมเด็จพระราชินีนาถฯ"
"ตอนที่ข้าพเจ้าสูญเสียแม่ไปเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ท่านทั้งหลายรับข้าพเจ้าไว้ในการดูแล" เจ้าชายแฮร์รีตรัสอ้างอิงถึงการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานาแห่งเวลส์ ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะถูกไล่ตามโดยขบวนรถของช่างภาพปาปาราซซี เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1997
"พวกท่านทั้งหลายให้การดูแลข้าพเจ้ามาอย่างยาวนาน แต่พลังของสื่อมวลชนนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน ทำให้ข้าพเจ้าหวังว่าในอนาคตการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของพวกเราจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าพวกเขาได้ และต่อจากนี้ไปข้าพเจ้าจะยังคงไว้ซึ่งความเคารพอันสูงสุดต่อสมเด็จพระราชินีนาถฯ ผู้ซึ่งเป็นจอมทัพของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกทราบ ซึ่งใจอย่างยิ่งต่อทั้งพระองค์ท่านและสมาชิราชวงศ์ทุกพระองค์ที่ได้สนับสนุนข้าพเจ้าและภรรยามาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา"