ไม่พบผลการค้นหา
สวนดุสิตโพล ชี้ประชาชนส่วนใหญ่ห่วงสถานการณ์การเมือง ไม่ค่อยเชื่อมั่นรัฐบาลฝ่าวิฤตได้ เนื่องจากอยู่ในสภาวะปริ่มน้ำ

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น เรื่อง “คิดอย่างไร กับ สถานการณ์การเมืองไทย ณ วันนี้” จากประชาชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,182 คน ระหว่างวันที่ 14-17 ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่า 5 สถานการณ์สำคัญที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ ร้อยละ 83.30 ระเบิดใน กทม.เพราะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัย, ร้อยละ 65.59 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะ เป็นสาเหตุหนึ่งของความขัดแย้ง ยังมีช่องโหว่หลายจุดเกรงว่าจะยืดเยื้อ, ร้อยละ 64.94 วิวาทะระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะมีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ความขัดแย้งฝังรากลึก เป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์, ร้อยละ 56.60 การถวายสัตย์ของนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นประเด็นที่ฝ่ายค้านนำมาโจมตี ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีโดยตรง และร้อยละ 55.62 การแยกตัวของพรรคเล็กบางพรรคจากรัฐบาล เพราะส่งผลต่อเสถียรภาพและคะแนนเสียงของรัฐบาล

เมื่อถามว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการฝ่าวิฤตของรัฐบาลมากน้อยเพียงใด ประชาชน ร้อยละ 38.70 ไม่ค่อยเชื่อมั่นในการฝ่าวิกฤตทางการเมืองของรัฐบาล และ ร้อยละ 36.06 ไม่เชื่อมั่น เพราะสถานการณ์ทางการเมืองไม่แน่นอน เป็นรัฐบาลปริ่มน้ำ ไม่มีเสถียรภาพ มีเพียง ร้อยละ 19.27 ค่อนข้างเชื่อมั่น และ ร้อยละ 5.97 เชื่อมั่นมาก ที่เชื่อมั่นเพราะมั่นใจว่านายกฯจะคุมสถานการณ์ได้ โดยร้อยละ 36.73 มองว่าประชาชนสามารถช่วยฝ่าวิกฤตทางการเมือง ขณะที่ ร้อยละ 27.46 มองว่าฝ่ายค้าน, ร้อยละ 21.86 ฝ่ายรัฐบาลโดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ และร้อยละ 13.95 ระบุทุกคน ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน

ท้ายที่สุดประชาชนถึงร้อยละ 56.88 มองว่า การเมืองไทยวันนี้จะฝ่าวิกฤตได้ ต้องหยุดการทะเลาะเบาะแว้ง ถอยคนละก้าว รับฟังความเห็นต่างให้มากขึ้น, ร้อยละ 49.32 ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องเห็นแก่ส่วนรวม ร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง และร้อยละ 21.94 ช่วยกันปฏิรูปการเมือง ให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง