ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาล ยืนยัน ยังไม่พบซีเซียม-137 ที่อันตราย กระทบประชาชน - ด้านผู้ว่าฯ ย้ำปราจีนปลอดภัยผลไม้ทานได้ คนปราจีนยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว - นายกฯ สั่งหาคนรับผิดชอบ เหตุสารหาย และตรวจสอบแหล่งรับซื้อ

วันที่ 24 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทีมแถลงสถานการณ์และการตรวจสอบกรณีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ว่า ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ติดตามและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างไร โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ ประทีป กีรติเรขา เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อาทิ รณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โดยรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า เมื่อเช้าได้มีการหารือร่วมกันถึงแนวทางการปฎิบัติรวมในพื้นที่ ทุกหน่วยงาน โดย สถานการณ์ในพื้นที่สิ่งแรกที่คำนึงถึงคือความปลอดภัยสุขภาพ อนามัย ของประชาชนในพื้นที่ และพนักงานอีก 70 กว่าคน โดยได้ทำการตรวจหาสารกัมมันตภาพรังสีทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่แล้ว ไม่พบ สารกัมมันตภาพรังสี

รวมทั้งได้ตรวจคุณภาพดินคุณภาพอากาศ สภาพแวดล้อม ในวงรัศมี 5 กิโลเมตรตามทฤษฎี และ 10 กิโลเมตรก็ไม่ปรากฏพบสารกัมมันตภาพรังสีดังกล่าว นอกจากนี้คณะยังได้ได้เดินทางไปพิสูจน์ที่สวนผลไม้ ในหลายหมู่บ้าน เพื่อแสดงความมั่นใจโดยการ เด็ดผลไม้จากต้น นั่งปอกผลไม้กินกันสดๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริเวณนั้น และ จังหวัดปราจีนบุรี มีความปลอดภัยสูงสุด

พร้อมเชิญชวนให้ นักท่องเที่ยว เข้ามาท่องเที่ยวที่จังหวัดปราจีนบุรี ขอให้มั่นใจว่าพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีมีความปลอดภัย ไม่มีผลกระทบจากการปนเปื้อนใดๆ ผลไม้ที่จังหวัดปราจีนบุรียังหวานอร่อย คนปราจีนบุรียินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว

สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้บูรณางานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน ด้านวิชาการที่เกี่ยวข้อง โดยศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการนิวเคลียร์เพื่อสันติที่มีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการสั่งการประจำวัน

วันนี้ได้มีการสั่งการประจำวัน ข้อมูลตามที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติและทางมหาวิทยาลัยต่างๆที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหน่วยงานทางวิชาการได้ประมวลข้อมูล โดยนายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยเป็นพิเศษโดยเฉพาะกลุ่มประชาชน และพนักงานในโรงงาน ตรวจร่างกายพนักงาน 71 คน ย้ำว่าจากการตรวจร่างกายไม่พบการปนเปื้อนจากกัมมันตภาพรังสี ทั้งจากการตรวจเลือด และการตรวจปัสสาวะผลออกแล้ว 50% ไม่พบกัมมันตรังสี และรอผลอีก 50%

ส่วนการวัดระดับปริมาณกัมมันตภาพรังสีในพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุอยู่ในระดับปกติทุกจุด ส่วนกัมมันตภาพรังสี 3-5 กิโลเมตรรอบโรงงานทุกจุดผลการตรวจเป็นปกติเช่นกัน ผลการตรวจ สภาพ ดินน้ำ อากาศ ไม่พบรังสีดังกล่าว และจะมีการดำเนินการตรวจทุกวัน  

นอกจากนี้ยังมีการตรวจวัดรังสีแกมมาของทุกภาคในประเทศไทยต่อเนื่องทุกวันมาโดยตลอด ขณะนี้ผลการตรวจ อยู่ในระดับปกติทั่วทุกภาค และจะมีการมอนิเตอร์ต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการตั้งจุดตรวจเพิ่มเติมอีก 9 จุด ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งผลออกมาเป็นปกติทั้งหมด ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ติดตามต่อไปอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ

นอกจากนี้ยังมีการคำนวณ ปริมาณรังสี ในถุงที่พบหากไปสัมผัสโดยตรงรับรังสีเข้าไป 30 ชั่วโมง จะเกิดความรุนแรง เท่ากับการเอกซเรย์ปอด 1 ครั้ง และแม้จะมีรังสีอยู่แต่ ปริมาณไม่มากนัก ซึ่งหน่วยงานต่างๆพยายามควบคุมอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันว่าในพื้นที่บริเวณรอบโรงงานไม่มีการปนเปื้อนของรังสี สุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณรอบโรงงานและพนักงานในโรงงานก็มีสภาวะปกติ แต่หากพบความผิด ประชาชนในพื้นที่ไม่สบายใจหรือมีความสงสัย สามารถเข้ารับการตรวจร่างกายของรัฐในโรงพยาบาล ในจังหวัดปราจีนบุรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า​ นายกรัฐมนตรี​ เน้นย้ำเรื่องสืบสวนสอบสวนในทุกมิติ​ หายไปได้อย่างไร​ ใครเป็นผู้ลักลอบ​ การที่ประชาชนได้รับผลกระทบจะต้องมีใครต้องรับผิดชอบ โดยได้มีการสั่งการผบ.ตร.​ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการลงพื้นที่ที่จะสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่าจะต้องมีมาตรการในการระมัดระวัง​ เนื่องจากเป็นสารเคมี​ และถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทำให้ประเทศเราต้องมีนโยบายที่ต้องอิงสิ่งแวดล้อมทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี​ โดยขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ​ และรัฐบาลพยายามนำข้อมูลทำความเข้าใจประชาชนมากขึ้น