จากจุดเริ่มต้นวิ่ง เพื่อนำเงินช่วยเหลือไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ใน โครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน” ในปี พ.ศ. 2559 จนมาถึงประวัติศาสตร์แห่งการวิ่ง โครงการ "ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" โดยออกวิ่งจากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ด้วยระยะทาง 2,215 กิโลเมตร และได้เงินช่วยเหลือทั้งสิ้น กว่า 1,400 ล้านบาท หลังจบโครงการ ยังคงได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากองค์กร และหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่ยังขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างมาก

ใน ปีนี้ ตูน บอดี้สแลม ขอเริ่มก้าวใหม่ในโครงการ “พลังคนไทย ก้าวคนละก้าว” ปลุกพลังให้คนไทยทั้งประเทศมาร่วมก้าวไปด้วยกันอีกครั้ง กับ ‘มูลนิธิก้าวคนละก้าว’ ซึ่งแนวคิดเปลี่ยนโครงการก้าวคนละก้าว ให้เป็น ‘มูลนิธิ ก้าวคนละก้าว’ เพื่อที่จะสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะนำเสนอแนวคิด ข้อมูลสาระที่เป็นประโยชน์ และสร้างสรรค์ กิจกรรมเพื่อช่วยส่งเสริมให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายดูแลรักษาสุขภาพพื้นฐานของตนเองให้แข็งแรงเพื่อเป็นการลดภาระของโรงพยาบาล

โดยเตรียมออกวิ่ง หารายได้ช่วยเหลือโรงพยาบาลขนาดเล็ก ระดับอำเภอ และชุมชน ทั่วประเทศทั้ง 5 ภาค ทั้ง ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยเริ่มจาก ภาคอีสาน เป็นภาคแรก ในรูปแบบการวิ่งผลัด ที่ ตูน บอดี้สแลม จะขอเป็นไม้แรกในการวิ่งแต่ละภาค พร้อมตั้งเป้าสถิติมีผู้มาร่วมวิ่ง ใน 10 กิโลเมตรของแต่ละภาคมากที่สุด

ตูน บอดี้สแลม เผยว่า เราอยากจะทำมันต่อไปอย่างยั่งยืนที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ เราคิดว่าเรามีความสุขกับการทำสิ่งนี้ แล้วก็คิดว่าจากสิ่งที่มันเป็น ตัวตนนักร้อง พอวันหนึ่งมันสามารถที่จะขยับทำประโยชน์กับคนอื่นได้ อย่าง 2 -3 ปีที่ผ่านมา เรามีความสุข อยากทำมันต่อเนื่องเท่าที่แรงเรามี และทำในวิธีการที่คิดว่ามันจะสร้างแรงบันดาลใจได้ด้วย นอกจากเงินบริจาคอย่างเดียว พอเป็นมูลนิธิเราอยากจะให้มันมีหลายๆมิติ มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ต่อเนื่อง เราอยู่ตรงนี้ งานหลักของเรา คือ อาชีพนักร้อง เราคิดว่าเราก็ออกมาทำในวันที่ เรามีแรง มีแรงบันดาลใจ มีวิธีการที่มันสร้างประโยชน์ได้ เราก็จะออกมาทำ เราจะไม่ใช้ว่า จะต้องออกมาทำ เพราะมันจะไม่สนุก แล้วมันอาจจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง พอเป็นมูลนิธิแล้ว เราก็ยังใช้หลักคิดเดิมของเราอยู่ว่า เรามีความสุข และสนุก และสร้างแรงบันดาลใจ

ซึ่งภาพความฝันของผมเลย อยากเห็นคนไทยสุขภาพดี เห็นคนไทยทุกคนดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายที่ชอบ ไม่ต้องวิ่งอย่างเดียวก็ได้ ไปตีแบด ไปออกกำลังกายกับครอบครัว ตีเทนนิส ว่ายน้ำ หลายๆคนมีกิจกรรมที่ตัวเองชอบ ผมฝันอยากจะเห็นภาพเหล่านั้น ภาพที่ทุกคนมีกีฬาที่ตัวเองชอบ ดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วยความสุข ดูแลโภชนาการที่ดี แล้วพอทุกคนมีสุขภาพที่ดี ทุกคนมีความสุข ก็สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ทุกคนสามารถทำงานที่รับผิดชอบได้ดีขึ้น เมื่อทุกคนมีสุขภาพที่ดี ทุกคนไม่ต้องเอาเงินไปจ่ายค่ายาค่าหมอเก็บไว้ มีเงินมากขึ้นได้ มีความสุขมากขึ้นได้ เมื่อทุกคนดูแลตัวเองดีแบบนี้ ดูแลหน่วยเล็กๆของตัวเอง หน่วยๆเล็กๆมันก็จะประกอบกลายเป็นหน่วยใหญ่ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น อาจจะเป็นประเทศหนึ่งที่มีคุณภาพที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน อันนี้คือความฝันสูงสุดของผม

หลักเกณฑ์ในการเลือก โรงพยาบาล ที่จะช่วยเหลือ

หลักเกณฑ์ คือ ทยอยครับ เราเป็นองค์กรเล็กๆ เราเป็นกลุ่มคนเล็กๆ เราก็พยายามทำในแบบของเราที่เราทำได้ เราไม่ได้คิดภาพใหญ่ ตั้งแต่บางสะพานแล้ว เราไม่ได้คิดว่าจะเกิดเงินบริจาคเท่าไหร่ เราแค่ทำมัน ด้วยวิธีการของเรา และสุดท้ายทุกคนออกมาช่วยกันมันก็เกิดเป็นภาพใหญ่ขึ้นมา เช่นเดียวกันครั้งนี้ เราก็เริ่มต้นเล็กๆ เราก็ไม่ได้ไปสัญญากับโรงพยาบาล ที่เราลงไป เราจะเอาเงินบริจาคมามอบให้เท่าไหร่ เราแค่ทำมันอย่างเต็มที่บอกข่าวสารไปยังคนไทยใจดีทุกคนให้ไกลมากที่สุด เท่าที่เราทำได้ จริงๆหลายสิบโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ขอความช่วยเหลือ ยังไม่ได้ลิสต์ว่าทั้งหมดเท่าไหร่ เราก็ค่อยเป็นค่อยไป

"คนละ 10 บาท ซื้อน้ำหวานสักขวดยังไม่ได้เลย ลองลงมากองรวมกัน มันช่วยชีวิตคนได้จริงๆ "

กิจกรรมจะเริ่มเดือน มิถุนายนนี้ ในปี 62 -63 เราจะชวนคนทุกภาคออกมาวิ่ง เริ่มที่ภาคอีสาน และไปใต้ ไปเหนือ ตะวันออก และจบที่ภาคกลาง ชวนดารานักร้องในพื้นที่ และดาราที่เคยมาช่วยโครงการ ก้าว มาร่วมวิ่ง ออกไปวิ่งผลัด พี่ตูน จะไม่วิ่งคนเดียวแล้ว พี่ตูนจะไม่เหงาแล้ว พี่ตูนจะวิ่งแค่ 10 กิโล แล้วส่งต่อไม้ผลัดให้กับคนที่สามารถแรงบันดาลใจได้ต่อไป ให้มันเกิดภาพของทุกๆคนที่ ใส่ใจดูแลตัวเองมากกว่า ภาพของพี่ตูน แล้ว หมดยุคไปแล้ว พี่ตูนเอาท์ไปแล้ว เป็นภาพของ คุณยายคนหนึ่ง ภาพของเด็กน้อยคนหนึ่งที่อ้วนๆหน่อย ออกมาวิ่ง เพื่ออยากจะลดพุง มันต้องเกิดภาพเหล่านั้น

ในส่วนโรงพยาบาลภาคอีสานที่ลงไปสำรวจในพื้นที่ น่าจะสรุปแล้วประมาณ 7 โรงพยาบาลในอีสานตอนบน จะเป็นโรงพยาบาลในระดับชุมชน โรงพยาบาลระดับอำเภอก็มี เป็นไซส์ที่แตกต่างกัน

ถ้าอยากมาร่วมกิจกรรม ติดตามในแฟนเพจ ว่ากิจกรรมที่จะเกิดในเดือนมิถุนายน จะเกิดในสัปดาห์ไหน เราจะจัด 2 วัน เสาร์อาทิตย์ และจะวิ่งจาก จังหวัดไหน และเข้าเส้นชัยไปไหน แต่วันที่ 2 ของกิจกรรม ในวันอาทิตย์ เราอยากจะชวนทุกๆคน มาร่วมวิ่ง 10 กิโลเมตร หรือ มินิมาราธอนให้มากที่สุด ให้เป็นสถิติในบันทึกไทย ส่วนวันที่จะประกาศในเฟซบุ๊ก ก้าวคนละก้าวต่อไป ส่วนอีกอันที่ทุกคนร่วมได้เลย คือ ออกกำลังกาย กินบุฟเฟ่ต์ได้แต่ต้องไปออกกำลังกาย ไปดูแลตัวเองในแบบที่มีความสุข ซึ่งไม่ยาก เพราะผมว่า การออกกำลังกายมันทำประโยชน์มากกว่าแค่ร่างกาย มันช่วยจิตใจ มันถูกพิสูจน์แล้ว โดยตัวผมเอง ผมออกกำลังกายทีไร ผมรู้สึกมีความสุข เชื่อผม ลองดูแล้วทุกคนจะติดใจ อันนี้คือสิ่งที่ทุกคนสามารถร่วมได้เลย คือการดูแลตัวเองอย่างที่ถูกต้องและเหมาะสม ส่วนเงินบริจาค พอเราเป็น มูลนิธิเรียบร้อย เราจะประกาศ ในเดือนเมษายน จะประกาศเบอร์บัญชี ซึ่งตอนนี้รอให้ลงตัว

"เราไม่ได้อยากได้เงินบริจาคเยอะๆ จากคนจำนวนน้อยๆ สิ่งที่เราอยากได้เหมือนเดิมและถูกพิสูจน์มาแล้ว ว่ามันเวิร์ค ก็คือ เราช่วยกันด้วยเงินจำนวนเล็กๆ 10 บาท 20 บาท ตลอดทาง จากเศษเล็กเศษน้อย เราได้ 1,400 กว่าล้าน ให้กับ 11 โรงพยาบาล"

ด้าน อัย��วัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริง เพื่อทำสิ่งที่มีค่าเป็นประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย ของ คุณตูน บอดี้สแลม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน ซึ่งสอดคล้องกับปณิธานที่ตั้งไว้ของโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย เชื่อในพลังแห่งความมุ่งมั่นตั้งใจทำตามความฝันอย่างไม่ย่อท้อ ที่ผ่านมากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และพันธมิตรได้ร่วมมอบเงินสนับสนุน 2 โครงการคือ โครงการ ก้าวคนละก้าว จำนวน 100 ล้านบาท เมื่อครั้งที่ได้มีโอกาสเปิดบ้านต้อนรับคณะนักวิ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และมอบเงินอีก 27 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้ชมภาพยนต์ 2215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จำนวน 750,000 ที่นั่งโนโรงภาพยนต์ และสำหรับงาน ’พลังคนไทย x ก้าวคนละก้าว’ ในครั้งนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัทคนไทย ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ตั้งใจที่จะร่วมก้าวไปด้วยกันอีกครั้งอย่างเต็มพลังกับ ‘มูลนิธิก้าวคนละก้าว’ โดยการมอบเงินสนับสนุน จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนตั้งต้นและใช้กิจกรรมต่างๆของมูลนิธิ

สำหรับ เป้าหมายของมูลนิธิ ก้าวคนละก้าว ในปี 2562 – 2563 มุ่งเน้นให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการออกกำลังกาย ผ่านกิจกรรมวิ่งการกุศลใน 5 ภาค เริ่มจากภาคอีสานในเดือนมิถุนายน 2562 ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และกลางตามลำดับ โดยตั้งเป้าสร้างสถิติมีผู้ร่วมวิ่งใน 10 กิโลเมตรสุดท้ายของแต่ละภาคมากที่สุด โดยในปีนี้จะเพิ่มเติมการช่วยเหลือโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก นอกจากการจัดกิจกรรมต่างๆแล้ว มูลนิธิฯ ยังมุ่งหวังเป็น ‘พื้นที่ของการให้’ ผ่านการทำ content online เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ หรือให้ข้อมูลความรู้เพื่อให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพ ตลอดจนการนำเสนอเรื่องราวความขาดแคลนในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้ง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และยูทูป ของก้าวคนละก้าว