เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2565 กิตติกร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพลังงานในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ระหว่างรัสเซียที่เปิดฉากรบกับยูเครน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาน้ำมันอย่างรุนแรง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ พุ่งสูงขึ้นเป็น 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือว่าสูงมาก หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นหรือไม่สามารถยุติความขัดแย้งได้เร็ววัน เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างแน่นอน
สำหรับประเทศไทย การที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับราคาเพิ่มมาอยู่ที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ต้นทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นทันที 3 บาท ในขณะที่กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เงินหมดไปแล้ว ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ปัญหา รัฐบาลต้องหางบประมาณมาอุดหนุนราคาน้ำมัน จะใช้งบกลางหรืองบประมาณส่วนไหนต้องรีบดำเนินการ หากปล่อยไว้ อาจจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
กิตติกร กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้เงินกู้ 1.5 ล้านล้านบาท หมดไปกับโครงการต่างๆที่ไม่เกิดประโยชน์ เชื่อว่างบประมาณของรัฐ มีปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นหากไม่มีเงินงบประมาณมาอุดช่องว่างที่เกิดขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลหมดทางเลือก จำเป็นที่จะต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันเพื่อไม่ให้รัฐสูญเสียเงินไปมากกว่าทีผ่านมา
“น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ราคาน้ำมันเบนซินหลังจากนี้จะมีการปรับตัวต่อเนื่อง เชื่อว่าไม่นานจะเห็นราคาน้ำมันเบนซินที่ 40 บาทต่อลิตรอย่างแน่นอน ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลจำเป็นต้องปรับราคาตามไปด้วย ผลที่ตามมาคือจะกระทบกับบรรดาผู้ประกอบการ บรรดาผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง พนักงานส่งของหรือไรเดอร์ ส่งอาหาร ที่หาเช้ากินค่ำ ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรที่เครื่องจักรบางส่วนต้องใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน รัฐบาลอาจต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเพื่อนำมาอุดหนุนราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ส่งผลกระทบกับประชาชนที่ต้องแบกรับหนี้เน่าของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่สร้างภาระให้ประเทศและประชาชนในอนาคตอย่างแน่นอน” กิตติกร กล่าว