ไม่พบผลการค้นหา
สภาล่ม! ประเดิมนัดแรกหลังประชุมเอเปค เหตุ ส.ส.รัฐบาลขอลงมติร่าง พ.ร.บ.เข้าชื่อถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่น หลังเสียงโหวตแพ้ฝ่ายค้าน เกรงสมาชิกฯ สับสนโหวตผิด ‘จุลพันธ์’ โต้เล่นโกงตัดโอกาสเสียงข้างน้อย ‘ชวน’ เหลืออด รอ 5 นาที รีบปิดประชุม ติงสภาฯ ชุดนี้แปลกกว่าที่เคยเห็นมา กรีดรัฐบาลควรรับผิดชอบเสียงข้างมาก

วันที่ 23 พ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 6 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ระหว่างวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ...ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ที่ประชุมส่วนมากเห็นด้วยกับมาตรา 8/1 ที่คณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่ 

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะได้ลงมติในมาตรา 9 เนื่องจากมีสมาชิกฯ สงวนความเห็นและขอแปรญัตติ จากนั้นประธานฯ ได้ถามที่ประชุมว่า จะเห็นชอบกับมาตรา 9/1 ที่คณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยให้เพิ่มขึ้นใหม่หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติเสียงข้างมากเห็นด้วยกับการเพิ่มมาตรา 9/1 ขึ้นใหม่ ด้วยคะแนนเสียง 163 ต่อ 75 เสียง

ทำให้ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ได้ร้องขอให้มีการลงมติในมาตราดังกล่าวใหม่อีกครั้งให้ชัดเจน เพราะสมาชิกฯ อาจมีความสับสนกับคำถามในการลงมติครั้งก่อนหน้า หากเห็นด้วยกับมาตรา 9/1 แล้ว จะปฏิบัติจริงไม่ได้ เพราะจะขัดกับมาตราต่อๆ ไป

เป็นเหตุให้ ส.ส.หลายราย ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อภิปรายแสดงความไม่เห็นด้วยกับการลงมติใหม่ และมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ก่อนที่ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานการประชุมในขณะนั้น สั่งพักการประชุมราว 30 นาที เพื่อให้กรรมาธิการฯ และสมาชิกฯ ได้หารือกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกลับมาประชุมอีกครั้ง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย สอบถามว่าจำเป็นต้องตรวจสอบองค์ประชุมใหม่อีกครั้งหรือไม่ เพราะอาจมีผลต่อการลงมติที่ผ่านมาด้วย เนื่องจากมีสมาชิกฯ เข้าออกจากห้อง อาจทำให้เกิดความผิดพลาด โดย ชวน ตอบว่า เรื่องนี้ต้องยอมรับความจริงเป็นหลัก ปฏิเสธความจริงไม่ได้ พร้อมถามมติต่อที่ประชุมว่า เห็นควรให้มีการลงมติอีกครั้งหรือไม่

ชวน  721DB861D9.jpeg

ต่อมาเวลา 13.47 น. ที่ประชุมได้มีมติเสียงข้างมากให้ลงมติใหม่อีกครั้ง จึงได้เข้าสู่การตรวจสอบองค์ประชุมอีก จน จุลพันธ์ ได้ลุกขึ้นแย้งอีกครั้งว่า การวินิจฉัยของประธานฯ ในครั้งนี้สร้างบรรทัดฐานใหม่อีกครั้ง ทำให้พวกเราไม่สามารถร่วมลงมติด้วยได้ เพราะขัดต่อข้อบังคับชัดเจน เป็นการลงมติใหม่อีกครั้ง แม้ก่อนหน้าจะมีการลงมติไว้อย่างถูกต้องแล้ว

“ถ้ามีคนกล่าวอ้างว่า มีคนเข้าใจผิด เราก็ต้องมาลงมติใหม่ทุกครั้งไป เป็นการปิดกั้นเสียงข้างน้อย ในอนาคตถ้าพวกผมสามารถชนะได้สักมติหนึ่ง ก็จะโดนกระบวนการเช่นนี้อีก เป็นการลิดรอนเสียงข้างน้อย” จุลพันธ์ กล่าว

ชวน ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดจริงๆ จึงได้ถามองค์ประชุมว่าควรลงมติอีกครั้งหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับว่าเสียงข้างมากหรือข้างน้อย เหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นบ่อย ผ่านมา 4 ปี ก็เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกครั้งนี้

“ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ ว่าผมยืนอยู่บนความถูกต้อง อย่าว่าแต่ระบบในสภาเลย ข้างนอกก็เหมือนกัน ให้โกงคะแนนสัก 1 คะแนน ซื้อเสียงสักบาท ผมไม่เอา” ชวน กล่าว

ชวน ยังได้กำชับว่า รัฐบาลคือเสียงข้างมากในสภาฯ ดังนั้นต้องดูแลเสียงข้างมากให้ดีเป็นพิเศษ และวันนี้ตนจะไม่รอองค์ประชุมนานนัก หากไม่ครบก็จะปิดประชุมทันที

“กรุณาแจ้งรัฐบาลด้วยว่า ระบบนี้ท่านต้องดูแลสมาชิกที่มาประชุม ยืนยันว่าไม่ได้บ่น แต่ในฐานะที่อยู่สภามาพอสมควร ครั้งนี้เกือบจะเลื่อนลอย ไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าองค์ประชุมจะครบหรือไม่ ไม่มีคนดูแล ไม่มีคนคอยตรวจสอบ สภาชุดนี้เป็นชุดที่แปลกกว่าที่เคยเห็นมา” ชวน กล่าว

จากนั้น ชวน ได้เรียกสมาชิกฯ เข้ามาเป็นองค์ประชุม โดยหลังจากรอองค์ประชุมอยู่ 5 นาที แล้วเห็นว่าองค์ประชุมยังไม่ครบ ก็ได้ตัดสินใจปิดการประชุม พร้อมกล่าวขอบคุณสมาชิกฯ ที่มาร่วมประชุม ส่วนสมาชิกฯ ที่ไม่มาประชุม ก็จะเปิดเผยชื่อเพื่อให้ประชาชนได้สอบถามเอง