วันที่ 24 มิ.ย. 2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประชาชนผู้สนใจการเมือง ประชาชนที่รักประชาธิปไตย รวมตัวกันจัดกิจกรรม ย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ ในโอกาสครบรอบ 88 ปี วันอภิวัตน์สยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กิจกรรม "ลบยังไง ก็ไม่ลืม" เพื่อร่วมกันแสดงเจตนารมน์ ให้ผู้มีอำนาจตระหนักว่าจะไม่ลืมในสิ่งที่พวกเขาอยากให้ลืม ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์จะต้องถูกจดจำตลอดไป
โดยไฮไลท์สำคัญเป็นการใช้เทคนิค โฮโลแกรม ฉายภาพเรื่องราว ประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปี 2475 ซึ่งถือเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย
นายอานนท์ นำภา ผู้นำการจัดกิจกรรม รวมถึงผู้เข้าร่วมกิจกรรม เดินทางถึงพื้นที่ บริเวณลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยา ก่อน 05.00 น. จากนั้นทีมงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ต่อรอง เพื่อขอใช้พื้นผิวจราจรบางส่วน ตั้งกางผ้าสีขาวขนาดความยาวประมาณ 10 เมตร เพื่อเป็นจอ รองรับการฉายภาพโฮโลแกรม ถ่ายทอดเรื่องราวการอ่านประกาศของคณะราษฎร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยินยอม จึงทำให้การจัดกิจกรรมเกิดความล่าช้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าจำเป็นต้องรักษาพื้นผิวการจราจรตามกฎหมายและขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมรักษาระยะห่าง ซึ่งเป็นไปตามมาตรการทางสังคมและอยู่ในกรอบของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ผู้จัดกิจกรรมจึงต่อรองให้เจ้าหน้าที่ บริหารจัดการพื้นที่บนทางเท้า เพื่อให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนสามารถ ยืนร่วมกันทำกิจกรรมได้อย่างครบถ้วน เมื่อเจ้าหน้าที่ จัดการพื้นที่บนทางเท้า เรียบร้อยแล้ว ประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม จึงเคลื่อนตัว ขึ้นไปอยู่บนทางเท้า มีเพียงจอฉายโฮโลแกรม ที่กินพื้นผิวจราจรเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกิจกรรมจึงเดินหน้าจนกระทั่งแล้วเสร็จ
บรรยากาศของกิจกรรม คือการร่วมกันยืนรับฟัง ประกาศของคณะราษฎรฉบับเต็ม ซึ่งกล่าวถึงเหตุผลและความจำเป็น ที่ต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง และมีรัฐธรรมนูญของประชาชน
ซึ่งนายอานนท์ ยืนยันว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการย้ำเตือนให้เห็นถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีทั้งแง่บวกและแง่ลบเป็นคุณละเป็นโทษกับบางคนบางฝ่าย พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มี เจตนาหรือความเกี่ยวข้องใดๆ กับการหมิ่นสถาบัน และเห็นว่า เป็นหน้าที่ของทุกคน รวมถึงผู้มีอำนาจและชนชั้นนำที่จะต้องช่วยกันประคับประคองประชาธิปไตยที่อาจพบปัญหา อาจพบข้อบกพร่องอยู่บ้าง ให้เดินหน้าต่อไปได้ และหากเห็นว่ามีคนกลุ่มใด องค์กรใดกระทำการผิดเพี้ยนไปจากเจตนารมณ์ของคณะราษฎร ก็ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไข
ขณะเดียวกันเห็นว่าคนรุ่นใหม่ มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีความคิดอ่าน มีการแสดงจุดยืนที่ไปไกลกว่าในอดีต โดยเฉพาะหลายกิจกรรมที่ ถูกจัดขึ้นโดยนักเรียน นิสิต นักศึกษาในปัจจุบัน จะยึดโยง ไปถึงเจตนารมณ์ของคณะราษฎร