มูลนิธิ 14 ตุลา จัดงานรำลึก 46 ปี และปาฐกถา 14 ตุลา ประจำปี 2562 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยเริ่มจากตักบาตรพระสงฆ์ 14 รูปตั้งแต่เช้า จากนั้นมีพิธีกรรม 3 ศาสนา ทั้ง พุทธ คริสต์ อิสลาม และพิธีวางพวงมาลา โดยองค์กรและหน่วยงานรวมถึงตัวแทนภาคส่วนต่างๆกล่าวรำลึก
นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี วางพวงมาลาและกล่าวรำลึก ระบุว่า วีรกรรม 14 ตุลา ครั้งนั้นจะบันทึกอยู่ในความทรงจำของคนไทยตลอดไป
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้แทนประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ว่า เป็นปรากฏการณ์ที่ประชาชนแสดงความไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับและปฏิเสธการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของผู้ปกครอง ซึ่งไม่มีอำนาจใดที่จะมาหยุดยั้งการใช้อำนาจดังกล่าวนั้นได้ นอกจากพลังของการรวมตัวกันจำนวนมากของประชาชนสองมือเปล่า ซึ่งเป็นการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย แต่ผู้ปกครองที่ไม่ชอบธรรม ย่อมไม่พึงพอใจต่อการแสดงออกเหล่านั้น จึงพบเห็นการสูญเสียจำนวนมาก ซึ่งสังคมไทยยกย่องบุคคลเหล่านั้นว่าเป็นวีรชน และขอให้ทุกคนเอาแบบอย่างวีรชน 14 ตุลา
ด้านนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทน 7 พรรคฝ่ายค้าน กล่าวรำลึกว่า วีรกรรมของวีรชน 14 ตุลา และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นต้นแบบที่ดีงามของคนไทยที่พึงจะกระทำต่อบ้านเมือง ซึ่งคนไทยทุกคนสำนึกว่าจะต้องสืบทอดและสืบสานระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศเป็นที่ยอมรับจากประเทศเสรีประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งจำเป็นต้องมีกติกาที่เป็นประชาธิปไตย มีความเป็นสากลและความเป็นธรรม ไม่เอื้อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้าน จึงมุ่งรณรงค์เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขกติกาสำคัญคือ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ให้เป็นธรรมและเพื่อประโยชน์ต่อคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ยังเชื่อว่า ทุกคนเห็นตรงกันแล้วว่ามีความแตกต่างระหว่างการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งไม่ยึดโยงกับประชาชนว่า ไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศรุ่งเรืองได้ แตกต่างกับรัฐบาลที่มาจากระบบการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ที่ย่อมนำมาซึ่งรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ บริหารราชการแผ่นดินได้อย่างประสบความสำเร็จและได้รับความเชื่อมั่นจากสังคมโลกที่จะมาคบค้าสมาคมด้วย
นางลดาวัลลิ์ ยังระบุด้วยว่า เราเห็นพ้องกันแล้วว่า จำเป็นต้องหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ โดยพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยึดมั่นระบบรัฐสภา ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน ทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อประชาชนและจะปกป้องงบประมาณแผ่นดินด้วยระบบรัฐสภา ให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุดและประชาชนจะได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น เมื่อสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบได้สำเร็จ
โดยเช้ายังมีการปาฐกถา 14 ตุลา ประจำปี 2562 โดยรองศาสตราจารย์กิตติศักดิ์ ปรกติ จากศูนย์นิติศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อ "นิติรัฐและนิติธรรม ในระบอบประชาธิปไตย"
ส่วนช่วงบ่ายมีการเสวนา "ยุติธรรมวิกฤต จะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ไม่ให้เลือกปฏิบัติ-สองมาตรฐาน" ซึ่งร่วมจัดโดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย, สมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน, สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม, เครือข่ายปฏิรูปตำรวจและมูลนิธิ 14 ตุลาคม