หลังการวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่ายต่อ "กฎหมายการแบนเพศสัมพันธ์นอกสมรส" ของอนโดนีเซีย และความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ โดยเฉพาะเกาะบาหลี จุดหมายปลายทางเพื่อการท่องเที่ยวระดับโลก
ล่าสุดผู้ว่าราชการบาหลีของอินโดนีเซียได้ออกมาเผยว่า กฎหมายอาญาฉบับใหม่นี้จะไม่ถูกบังคับใช้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และจะไม่มีการเรียกตรวจสถานะของนักท่องเที่ยวว่าแต่งงานแล้วหรือไม่ "บาหลีก็ยังเป็นบาหลีเช่นเคย ทั้งสะดวกสบายและมีความปลอดภัยที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว"
ด้าน เอ็ดเวิร์ด โอมาห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซียก็ย้ำว่า "ขอให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังอินโดนีเซียเหมือนเดิม เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่ได้รับโทษภายใต้กฎหมายฉบับใหม่นี้"
สำนักข่าว BBC รายงานว่า กฎหมายที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์นี้จะถูกบังคับใช้จริงในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเชื่อว่าจากวันนี้ถึงวันที่ตัวกฎหมายมีผลบังคับใช้จริง จะยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากจากสังคม
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐสภาของอินโดนีเซียผ่านมติ การยกเครื่องประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ของประเทศ เพื่อการทำให้การมีเพศสัมพันธ์นอกสถาบันการสมรสเป็นความผิดตามกฎหมาย อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุด 12 เดือน
กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ว่า ความพยายามดังกล่าวของภาครัฐอินโดนีเซีย เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในประเทศ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการระบุว่าประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่ของอินโดนีเซีย จะมีผลบังคับใช้ต่อทั้งประชาชนในประเทศ ชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยว
นอกจากประเด็นการมีเพศสัมพันธ์แล้ว ยังรวมถึงการสั่งห้ามการอยู่ร่วมกันก่อนการแต่งงาน การละทิ้งความเชื่อทางศาสนา และมอบบทลงโทษสำหรับการดูหมิ่นประธานาธิบดี หรือแสดงความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับอุดมการณ์ชาติในทางฆารวาส
ชาวอินโดนีเซียกังวลว่าสิ่งที่จะเป็นปัญหามากกว่าก็คือกฎหมาย "ห้ามวิจารณ์ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี" ซึ่งเป็นความผิดอาญา ด้านสหประชาชาติ หรือ UN ชี้ว่า "กฎหมายฉบับนี้จะกัดกร่อนบ่อนทำลายสิทธิมนุษยชนในประเทศ" แต่ทางการยืนยันว่าตัวกฎหมายจะเป็นการเชิดชูคุณค่าของอินโดนีเซีย