ไม่พบผลการค้นหา
'สุภา ปิยะจิตติ' แจงกลางวงสัมมนาของสำนักงาน ป.ป.ช. ไม่เป็นความจริงถูกฟ้องคดีติดสินบนปาล์มอินโดนีเซีย ย้ำแค่ไปสังเกตการณ์ ไม่มีสิทธิตั้งคำถาม ตรวจสอบแล้วไม่พบถูกฟ้อง ด้านประธาน ป.ป.ช. ชี้ 'สุภา' อาจถูกฟ้องคดีอาญา ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ไม่กระทบ ป.ป.ช.

ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ในระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ ในหัวข้อ “การผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตสู่ประเทศไทยใสสะอาดทั้งชาติต้านทุจริต ปี 2562” ในช่วงท้ายของงานสัมมนา มีผู้เข้าร่วมงานสอบถาม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงการเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริต แต่รอบๆ ตัวประธาน ป.ป.ช.อาจมีคนที่มีพฤติการณ์เกี่ยวพันในคดีลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดนีเซียหรือไม่ 

น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ได้ตอบคำถามดังกล่าวว่า กรณีที่ถูกพาดพิงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซีย เป็นการไต่สวนระหว่างประเทศ โดย ป.ป.ช.ไทย ต้องส่งคำถามที่จะไต่สวนพยานให้กับ ป.ป.ช.อินโดนีเซียเสียก่อน หลังจากนั้นเดินทางไปที่สำนักงาน ป.ป.ช.อินโดนีเซีย ฝ่าย ป.ป.ช.ไทย และฝ่ายอัยการ เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ไม่มีสิทธิตั้งคำถาม และการถามคำถามเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อินโดนีเซีย จึงนึกไม่ออกว่ามีการกล่าวหาให้สินบนพยานจะทำได้อย่างไร ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบกระแสข่าวที่อ้างว่าได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตำรวจอินโดนีเซียนั้น ไม่พบว่ามีการร้องทุกข์ดังกล่าว ยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำงานหนักกันทุกคน

ทั้งนี้ น.ส.สุภา ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องปกติที่ ป.ป.ช. จะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ต้องไปดูในข้อกฎหมายว่าการฟ้องร้องดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายชัดเจนหรือไม่ เพราะในบางกรณีหาก ป.ป.ช. นิ่งเฉยไปเสียหมด ประชาชนจะสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่ประธานสภาหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทยร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งกระทบต่อส่วนตัว และ ป.ป.ช. จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการอย่างไรหรือไม่ น.ส.สุภา กล่าวว่า คงไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนมีสิทธิสงสัย ต้องเชื่อมั่นในองค์กร

วัชรพล ประธาน ปปช ทุจริต 3076559.jpg

ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซียว่า เท่าที่ทราบมีอยู่ 5 สำนวน เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว และบางทีอาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หากพบผู้กระทำผิดเพิ่ม ทั้งนี้ กระบวนการของเราค่อนข้างให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาอย่างมาก เปิดโอกาสให้ชี้แจง ขอตรวจพยานหลักฐาน หรือขอขยายเวลา ให้โอกาสหมด แม้แต่เมื่อถูกชี้มูลไปแล้ว ถ้าเป็นเรื่องทางวินัย ให้ผู้บังคับบัญชามีสิทธิขอทบทวนได้ ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยกคำร้อง หรือรับไว้พิจารณาต้องดูว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่หรือไม่ ดังนั้นการทำงานตามกระบวนการขั้นตอน อาจทำให้ดูเหมือนคดีล่าช้า แต่ให้โอกาสมาก

ส่วนกรณีที่อดีตประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.สุภา และ ป.ป.ช. ว่ามีการสร้างพยานหลักฐานเท็จนั้น นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบแล้วได้รับการยืนยันว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.สุภาที่อินโดนีเซีย แต่อาจเป็นเรื่องกระบวนการอาญาของอินโดนีเซีย ไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากมีผลกับ ป.ป.ช. การติดต่อจะต้องแจ้งมาทางช่องทางระหว่างประเทศ เหมือนตอนที่ ป.ป.ช. ไปไต่สวนพยานที่อินโดนีเซีย ต้องทำเรื่องขอความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศผ่านอัยการสูงสุด (อสส.) ส่วนเรื่องการไต่สวนพยานที่อินโดนีเซีย ป.ป.ช.ไทย ไม่มีอำนาจไปดำเนินการ เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.อินโดนีเซีย

เมื่อถามว่าความพยายามร้องเรียน น.ส.สุภา จะกระทบการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซียหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ไม่กระทบ อาจทำให้ต้องมาตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ และดูข้อกฎหมาย แต่เบื้องต้นยังไม่กระทบอะไร อาจทำให้สังคมมองได้หลายทาง อาจเสียเวลาที่จะต้องมานั่งชี้แจงหรืออะไรต่างๆ ยืนยันการทำงานของ ป.ป.ช.ไม่ได้หวั่นไหว

ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ยังระบุว่า สำหรับความคืบหน้าคดีดังกล่าวคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 80 แล้วถ้าพิจารณาเสร็จจะชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง