ไม่พบผลการค้นหา
"จุลพันธ์" กังวล พ.ร.ก. 1 ล้านล้าน เปิดช่องทุจริต หวั่น "แบงก์ชาติ" ไม่เป็นกลางอาจกระทบความมั่นคงการเงินการคลัง

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การพิจารณาพระราชกำหนดกู้เงินของรัฐบาล รวมทั้งกรณีที่รัฐบาลให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ ออกตราสารหนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ภาคเอกชนนั้น มีความจำเป็นแค่ไหน เพราะในความเป็นจริงธนาคารพาณิชย์ก็มีเพียงพออยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่แบงก์ชาติต้องเข้ามาบริหารจัดการ แต่เมื่อแบงก์ชาติเข้ามาเป็นผู้เล่นจะส่งผลให้ขาดความเป็นกลาง และเกรงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นใน ระบบการเงินการคลังของประเทศในระยะยาว

ส่วนพระราชกำหนดกู้เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาท ที่เม็ดเงินส่วนหนึ่งนำมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน มีความจำเป็นเพียงไรที่จะต้องกู้เงินมาลงทุน เพราะหลายโครงการไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนถึงต้องกู้เงิน รัฐบาลสามารถเสนอโครงการรอในงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ไม่จำเป็นต้องมากู้นอกงบประมาณ การดำเนินการของรัฐส่อเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบหรือไม่ ในการพิจารณาเงินกู้ของรัฐ สมาชิกสภามีอำนาจแค่อนุมัติหรือไม่เท่านั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ เหมือนงบประมาณรายจ่ายประจำปี

นายจุลพันธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลออกพระราชกำหนดกู้เงินครั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบใช่หรือไม่ และเกรงว่าจะมีการเปิดช่องโหว่ให้มีการทุจริตในโครงการที่เสนอขอใช้งบประมาณจากการกู้เงินของรัฐ เพราะในพระราชกำหนดกู้เงินครั้งนี้เขียนไว้เพียงแค่การกู้เงินมาเพื่อประโยชน์ใดเท่านั้น แต่ไม่มีการลงรายละเอียดโครงการ และในหลายโครงการก็ซ้ำซ้อน กับการใช้งบประมาณประจำปี

"กรณีการอภิปรายพระราชกำหนดกู้เงินในสัปดาห์นี้อยากให้รัฐบาลเปิดใจรับฟัง การอภิปรายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แม้ว่ากรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะเบาบางลงแต่ระบบเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐกลับทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ควรเลยที่พรรคร่วมรัฐบาลจะยกมือประท้วงจนเสียบรรยากาศ อยากให้ตั้งใจฟังเนื้อหาสาระที่ฝ่ายค้านจะนำเสนอ เพราะฝ่ายค้านก็มีความหวังดีต่อประเทศไม่แพ้ฝ่ายรัฐบาลเช่นกัน" นายจุลพันธ์ กล่าว