วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามพาร์ค บางกอก จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ในช่วงรอบแรกสวนสยามถูกสั่งปิดให้บริการ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีคนมารวมกันเป็นจำนวนมาก มาถึงการระบาดรอบใหม่ ซึ่งเป็นช่วงปลายปีสถานการณ์ของธุรกิจกำลังจะดีขึ้น เพราะตลาดในประเทศคนออกมาเที่ยวจับจ่ายใช้สอยกันพอสมควร แต่กลับต้องหยุดให้บริการอีกครั้ง เป็นจังหวะที่เป็นช่วงทำรายได้วันหยุดปีใหม่ ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ต่อเนื่องถึงวันเด็ก จะสังเกตว่าคำสั่งปิดของ กทม.เกิดขึ้น วันที่ 1 ม.ค.เป็นช่วงตรงกลางระหว่างวันหยุดพอดี
ในเชิงธุรกิจมีความเสียหายใน 2 เรื่อง คือ 1. เรามีการเตรียมการมาสำหรับวันหยุด 10 วัน ซื้อของซื้อวัสดุ ซื้อวัตถุดิบมาเตรียมไว้ พอโดนสั่งปิดกลางทางไม่ได้ทันตั้งตัว เพราะสั่งปุ๊ปปิดปั๊ปวันรุ่งขึ้น ไม่ได้มีโอกาสระบายของ ทำให้เกิดความเสียหาย
2. การเตรียมตัวมีรายได้ในช่วง 4 วัน ถือเป็นรายได้ที่มีจำนวนพอสมควร ซึ่งเราคิดว่าวันหยุดช่วงปีใหม่ถึงช่วงวันเด็กเป็นการเก็บรายได้ เหมือนเก็บไขมันสะสมไว้เพื่อรอปิดเทอมหน้าร้อน พอเจอโควิดสองช่วงนี้ เกิดผลประทบธุรกิจค่อนข้างสูง
"แน่นอนพอไม่มีรายได้การดูแลพนักงานเป็นเรื่องที่เป็นภาระ การโดนปิดข้อดีคือไม่มีภาระค่าใช้จ่ายหลายเรื่อง แต่เรื่องที่เราเป็นห่วงที่สุดคือลูกน้อง สิ่งที่น่าเป็นห่วงน่ากังวลไม่สบายใจ ผู้ประกอบการหลายคนได้ส่งเสียงไปแล้ว ธุรกิจที่โดนปิดส่วนใหญ่ไม่ได้มีประวัติที่จะเกี่ยวข้องกับผู้ติดเชื้อ โควิด -19 สวนน้ำสวนสนุกเองไม่มีประวัติผู้ติดเชื้อเลย พวกเราก็โดนปิด อันนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลว่าเหตุที่เกิดจากการกระทำของคนอื่น มีผลกระทบต่อพวกเราและพนักงาน อันนี้เป็นสิ่งที่เราไม่สบายใจ
"อย่างไรก็ดีเป็นนโยบายของภาครัฐเราก็ยินดีปฏิบัติตามในเชิงของธุรกิจเอง เราเข้าใจสภาพในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยินดีให้ความร่วมมือมาตรการของภาครัฐ ย้ำอีกทีเราไม่เคยขัดมาตรการภาครัฐ แต่อยากรบกวนว่าในการออกมาตรการถึงแม้บางทีจะไม่ได้มีการชัตดาวน์ แต่โดยสภาพของมันเองธุรกิจหลายที่ที่เขาไม่โดนปิด มันก็เหมือนชัตดาวน์ เพราะการเดินทางแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย" วุฒิชัย กล่าว
เมื่อถามว่า มองว่าธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่
วุฒิชัย กล่าวว่า คงต้องหลายปี เพราะธุรกิจท่องเที่ยวโดยเฉพาะในประเทศเป็นฤดูกาล สวนสยามลูกค้าหลักเป็นคนไทย เรามีรายได้ขยับตามวันหยุดของนักเรียนไทย สังเกตว่าโควิดรอบแรกปิดเดือน มี.ค. ไปจนถึงเดือน มิ.ย. เราโดนปิดในช่วงที่เราทำเงินสุงสุด ดังนั้นรายได้ 50% ในช่วงปีนั้นหายไปเลย พอปิดเทอมช่วงเดือน ต.ค. โดนโควิดอีกเหลือแค่ไม่ถึงสองสัปดาห์ดีจะปีใหม่ แต่ช่วงนี้ก็โอเคร ถือว่ามีรายได้พอสมควร และช่วงปลายปีอย่างที่เรียนว่าตัวเลขกำลังโอเค ก็โดนปิดในช่วงปีใหม่และวันเด็ก
เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเห็นคือรายได้ของปี 2563 หายไปอย่างน้อย 70 เกือบ 80% ขณะเดียวกันรายจ่าย ถึงแม้จะโดนปิด ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงก็จริง แต่หลายเรื่องเราไม่สามารถทำรายได้ ก็ต้องรับสภาพ อันนั้นคือ เป็นภาระหนักของเราตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่ได้ทันสะสมไขมัน ให้อยู่ในภาวะเข้มแข็ง ก็โดนปิดอีกรอบ ซึ่งคราวนี้ยังไม่รู้จะนานแค่ไหน
"วิกฤตโควิดแทบไม่เคยอยู่ในสารระบบความคิดของเรา แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่า โควิดทำให้เราได้คิดว่าถ้ามันมีทางเลือกพูดง่ายๆ ว่ามีออฟชั่น ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เราไว้พิจารณาของเจ้าของและผู้ถือหุ้นว่า ถ้าเกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ต่อเนื่อง ความเป็นไปได้ของธุรกิจในเชิง Business Model มันเป็นไปได้หรือไม่ คงต้องนำมาพิจารณา ถามว่าในระยะสั้น ระยะกลาง ยังไม่ได้ถือเป็นทางเลือกที่เราพิจารณาเป็นหลัก" วุฒิชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้าโควิดนานกว่านี้ อยากให้รัฐผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้เปิดกิจการได้หรือไม่
วุฒิชัย กล่าวว่า การพิจารณาผ่อนคลายของภาครัฐ จริงๆ แล้ว ในเชิงของภาพใหญ่ การที่ไม่ล็อกดาวน์เลย เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะทำให้คนรู้สึกว่าอยู่ในสถานะที่ควบคุมได้ แต่การล็อคดาวน์ มันเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่เป็นประเด็นปัญหาที่ภาครัฐไม่สามารถควบคุมได้ ในเชิงธุรกิจเองแน่นอน การเปิดย่อมดีกว่าปิด เพราะมีการไหลเข้าของเงิน หล่อเลี้ยงธุรกิจ แต่ว่าธุรกิจที่เป็นตามฤดูกาล ทั้งธุรกิจสวนน้ำสวนสนุก ที่มีคนไทยเป็นพื้นฐาน การเปิดในช่วงที่มีวันหยุดต่อเนื่อง ซึ่งเราไม่รู้วันหยุดจะขยับไปตรงไหนบ้าง การเปิดในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง มีประโยชน์กับธุรกิจมากกว่า ที่เปิดโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"ที่อยากได้มากจริงๆ อยากให้ภาครัฐทำให้ชัดเจน ว่า การวางแผนท่องเที่ยวคนไทยในปี 2564 อยู่ตรงไหน วันหยุดยาว วันหยุดต่อเนื่อง ไม่ใช่มาแจ้งกัน อาทิตย์ สองอาทิตย์ก่อน ถ้าสามารถแจ้งได้ล่วงหน้า ที่พยายามทำกันอยู่ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเป็นไปได้คือ ถ้าหยุดก่อน ถ้าจำเป็นต้องชัตดาวน์ ก็ชัดดาวน์ก่อน ถ้ามีวันหยุดต่อเนื่องก็เปิด คิดว่ารัฐคงทำกันอยู่ หากถามว่าการเปิดตอนนี้เราพร้อมมั้ย เปิดวันนี้เราก็พร้อม อาจเตรียมตัว 3-5 วัน เรียกคนกลับมาทำงาน ซึ่งเราพร้อมเสมอที่จะมาเปิดให้บริการ" วุฒิชัย กล่าว
เมื่อถามว่า มีมาตรการสร้างความมั่นใจอย่างไรในการเปิดรอบสอง เพราะที่ผ่านมาไม่พบคนติดโควิดจากสวนน้ำ วุฒิชัย กล่าวว่า สวนสยามเป็นพื้นที่กว้างโล่ง ประกอบกับวันที่หนาวในประเทศไทย หลักๆ ค่อนข้างร้อน ซึ่งไม่เป็นคุณต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค และรอบๆ ในน้ำมีคลอรีน มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ดีกว่าสบู่ หากภาครัฐโปรโมทว่าให้ใช้สบู่ล้างมือ เพื่อป้องกันโรคโควิด การอยู่ใกล้ๆ บริเวณคลอรีน ซึ่งแม้กระทั่งเหล็กยังกัดได้ แน่นอนว่าตรงนี้ค่อนข้างปลอดภัย
อันที่สองเรามีพื้นที่กว้าง น้อยวันมากที่จะมีคนมากพอที่จะทำให้เกิดการเบียดเสียด ขณะเดียวกันหลายธุรกิจ มีการเบียดเสียดรัฐก็ยังให้เปิด เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่ามาตรการที่เกิดขึ้นสิ่งที่เราเห็นไม่ได้มีพื้นที่เอื้อประโยชน์ หรือสะดวกต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด ปกติเคยรับสูงสุด 60,000 คน ทั้งสวนน้ำและสวนสนุก แต่ถ้าเอามาตรการปิดครั้งแรก และที่คุยกับ ศบค.ใช้พื้นที่ 1 คน ต่อ 1 ตารางเมตร ถ้าเอาพื้นที่สวนสยาม 270 ไร่ ทั้งหมด 1,600 ตารางเมตร จุคนได้ประมาณ 30,000 -35,000 คน ทางปฏิบัติน้อยมากที่เราจะปล่อยให้มีคนมากกว่า 15,000 คนเข้ามา เราเคยปล่อย 20,000 คนเข้ามา แล้วเกิดการกระจุกตัวในบางพื้นที่ แม้บางพื้นที่จะไม่มีคน ซึ่งเราปรับตัวมาเรื่อยๆ ตัวลิมิตของเรา ตอนนี้ 10,000-12,000 คน เราลดลงมา 1 ใน 3 จากความสามารถที่เรารับควรจะรับได้ตามสิ่งที่เคยคุยกับ ศบค.
"สวนสยามไม่ใช่แค่สวนน้ำหรือสวนสนุก หรือเป็นแค่ทะเลกรุงเทพ เราเป็นเพื่อนที่โตมากับคนกรุงเทพ และคนไทย เป็นสิ่งที่เรามีความภูมิใจ เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่พร้อม เราก็พร้อมจะเปิด ที่ผ่านมาการท้อใจคงไม่มี มันอยู่ที่ความเหนื่อยมากกว่า สถานการณ์แบบนี้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว คงรู้สึกเหมือนกัน ว่ามันไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ เราเคยคิดว่าปลายปี 2563 มันจะจบแต่ก็ยังไม่จบ ปีนี้อาจจะยาวทั้งปี เพราะฉะนั้นความเหนื่อยคือไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ถ้าเรารู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ เราสามารถบริหารจัดการได้" วุฒิชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาภาครัฐช่วยเหลืออย่างไรบ้าง
วุฒิชัย กล่าวว่า ถ้ากลับไปเรื่องของภาครัฐ คือรัฐพูดเหมือนช่วยกัน แต่ไม่ได้ช่วย พูดถึงมีมาตรการต่างๆ ออกมา แต่สิ่งที่ออกมาแค่นโยบายแต่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ผมว่าภาครัฐเห็นตัวเลขเองดีว่า วงเงินต่างๆ ที่ออกมามันเหลือขณะเดียวกันมองกลับไปในสิ่งที่รัฐเอาเงินไปแจกคนโอเวอร์ ซัพสไคร์ คือเยอะ ให้ล้านลงไปหลายล้าน
ขณะเดียวกันถามว่าผู้ประกอบการไม่เดือดร้อนรึป่าว ทำไมวงเงินที่มีถึงเหลือ อันนี้คงต้องปรับดูว่าทำไมสิ่งที่แจกแล้วคนล้นรัฐยังปรับเพื่อให้มากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการเอง ทำไมวงเงินที่เตรียมไว้มันถึงใช้ไม่หมด แล้วไม่มีการปรับ เป็นสิ่งที่รบกวนผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องว่าตัวผู้ประกอบการเอง หรือ ตัวแทนผู้ประกอบการสวนสนุกสวนพักผ่อนหย่อนใจ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า ผมว่าตัวแทนผู้ประกอบการพร้อมคุยตัวแทนภาครัฐ ถ้าภาครัฐอยากรู้จริงๆ ว่า ทำไมถึงกู้เงินไม่ได้ ก็เข้ามาคุย เพียงแต่ว่ารัฐพร้อมที่จะปรับเงื่อนไข นโยบายและข้อจำกัดต่างๆ ให้เหมาะสมให้คนสามารถกู้ได้หรือเปล่า
เมื่อถามว่า ธุรกิจต้องการความช่วยเหลืออะไรเร่งด่วน
วุฒิชัย กล่าวว่า เรื่องแรก คือ พนักงาน เมื่อถูกสั่งปิดทันทีพนักงานที่เงินเดือนไม่เกินสองหมื่น เขาพออยู่ได้ แต่พนักงานระดับกลาง เงินเดือนสามหมื่นลำบากกว่า เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เมื่อได้รับเงินชดเชยจากการว่างงาน แม้กิจการกลับมาเปิดแล้ว แต่ระยะกลางรายได้ยังไม่พอสนับสนุนพนักงาน ซึ่งแนวทางการร่วมจ่ายเงินค่าจ้าง (โค-เพย์) ช่วยกำลังตั้งไข่กันใหม่ รัฐอาจจะช่วยจ่ายให้ 50% จะช่วยให้เราเก็บพนักงานไว้ไม่ต้องออก
ส่วนตัวผู้ประกอบการเองสิ่งที่ขาดที่สุดในทุกวงการ กระแสเงินสด เรามีมูลค่าทรัพย์สินมหาศาล แต่ไม่มีเงิน ถามว่าจะเอาเงินไหนไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เงินเดือนลูกน้องอย่างไร ในฐานะเจ้าของรับภาระในการดูแลลูกน้องแทนภาครัฐ เมื่อไหร่ที่ไม่เอากิจการแล้ว และปล่อยลูกน้องออกไป ปิดกิจการ ปล่อยลูกน้องพ้นจากสภาพ คนพวกนี้จะกลายเป็นภาระของภาครัฐ ถ้าภาครัฐช่วยเราให้เรามีกำลังที่จะดูแลลูกน้องได้ในระดับหนึ่ง เราจะสามารถดูแลธุรกิจเพื่อเป็นฐานดูแลพนักงานได้ต่อไป
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้กิจการจะไปต่อหรือหยุด วุฒิชัย กล่าวว่า เปิดต่อ เราอยู่มา 40 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ตราบใดที่คนไทยสนับสนุนสวนสยามเราคงไม่ถอย ที่ดินผืนนี้มูลค่ายิ่งกว่าทอง ผู้ถือหุ้นทุกคนเจ้าของขายไปก็สบาย แต่สิ่งที่ยึดให้พวกเราไม่สนใจในผลตอบแทนเชิงการเงินเป็นตัวตั้ง เพราะว่าเรารู้ว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เห็นสวนสยามเป็นครอบครัว อยากมาใช้บริการและสนับสนุนพวกเราต่อเราเลยต้องทำ นี่เป็นสิ่งที่คุณพ่อตั้งเป็นมาตรฐานไว้ และรุ่นลูกคิดว่าจะทำต่อ