วันที่ 10 เม.ย. 2564 ที่สถานีโทรทัศน์ พีซทีวี จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. พร้อมด้วย ศักดิ์ระพี พรหมชาติ, ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, สุริยา ชินพันธ์ พร้อมด้วยญาติวีรชน อาทิ พะเยาว์ อัคฮาด และ ณัทพัช อัคฮาด ซึ่งเป็นมารดาและน้องชายของ นางสาวกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตจากกระสุนปืนภายในวัดปทุมวนารามในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2553 รวมถึงมวลชนจำนวนหนึ่งร่วมกันรำลึกและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วีรชนที่ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์เมษาฯ-พฤษภาฯ 2553 เนื่องในโอกาสครบรอบ 11 ปี 10 เมษา 2553 ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง
โดยมีการนำรูปวีรชนที่เสียชีวิตมาประกอบพิธีทำบุญ พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ จากวัดสุวรรณประสิทธิ์ จำนวน 9 รูปมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พร้อมถวายสังฆทาน และกรวดน้ำให้วีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว จากนั้นเวลา 9 นาฬิกา
จตุพรพร้อมคณะได้ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีทั้งอาหารคาวหวาน อาทิ น้ำพริกกะปิปลาทูทอด พะโล้ขาหมู ผัดผักรวม ต้มจืดมะระยัดไส้ แกงส้มมะละกอกับกุ้ง ผัดพริกไก่สะตอ
จตุพรกล่าวว่า วันนี้ครบรอบ 11 ปี 10 เมษายน ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของความตาย วันนี้เมื่อ 11 ปีที่แล้วมีความตายเกิดขึ้น 26 ชีวิต จนถึง 19 พฤษภาคม 2553 มีคนตายทั้งหมด กว่า 99 ชีวิต และเสียชีวิตในภายหลังร่วมกว่า 10 ชีวิต ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในประเทศไทยอีก เพราะประชาชนไปเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งในขณะนั้นเรียกร้องเพียงแค่ให้มีการยุบสภาแต่กลับจบลงด้วยการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน
"ดังนั้นความตายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองของประเทศไทย อย่างน้อยมี 2 เหตุการณ์ ที่มีการสร้างอนุสรณ์สถานให้คนรุ่นต่อไปได้สืบสานเจตนารมณ์ คือ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาคม 2535" จตุพรกล่าว
จตุพรกล่าวอีกว่า ส่วน 2 เหตุการณ์ที่มีความเจ็บปวดมากที่สุด คือ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่มีการล้อมฆ่าประชาชนนักศึกษาที่ธรรมศาสตร์ และเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง 10 เมษายนถึง 19 พฤษภาคม 2553 มีการล้อมปราบและเข่นฆ่าประชาชนมากที่สุดกว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
"ทั้ง 2 เหตุการณ์คือความร้าวราน เจอหน้ากันต้องกอดกันร่ำไห้ ดังนั้นตนมีความหวังว่าวันหนึ่งเราคงจะได้มีอนุสรณ์สถาน เพื่อรวมอัฐิของพี่น้องวีรชน 53 ไว้ ในที่เดียวกัน เหมือนกรณีอนุสรณ์สถานพฤษภาคม 2535 เพื่อเป็นที่รวมประวัติศาสตร์เป็นที่จดจำของวีรชนในเหตุการณ์ดังกล่าว" จตุพรกล่าว
จตุพรกล่าวอีกว่า ดังนั้นวันนี้ถือว่าเป็นการรำลึกเหมือนเช่นกับทุกปี ซึ่งใน 11 ปีที่ผ่านมานี้ ก็มีรูปแบบการทำบุญต่างๆ ทั้งแยกกันไปทำเป็นเฉพาะบุคคล ใครสะดวกตอนไหนก็ไปกันที่นั่น นอกจากนี้วันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เราจะเชิญชวนพี่น้องญาติวีรชนมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลอีกครั้งหนึ่งเพื่อรำลึกถึงวีรชนผู้เสียสละ พลีชีพให้กับระบบประชาธิปไตย
จตุพรยังกล่าวถึง การยุติเวทีไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยไว้ชั่วคราว ว่าตนสู้มาร่วม 30 ปี รู้ว่าจังหวะใดต้องรุกจังหวะใดต้องถอย แต่ประเด็นสำคัญใครคือ ผู้ถือความชอบธรรม หากยังเดินการชุมนุมต่อรัฐก็จะปฏิบัติการไอโอและเราก็จะกลายเป็นผู้ร้ายและถูกสร้างให้เกิดความชิงชัง เหมือนที่เคยสร้างมา
"ดังนั้นในการระบาดโควิด19 รอบนี้ และทุกรอบที่ผ่านมา เป็นความบกพร่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างอภัยไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่มาแล้ว 7 ปี ถ้าไม่ทำอะไร ก็จะอยู่ไปอีก 6 ปี ตลอดระยะเวลา 15 ปี แห่งความขัดแย้งของคนไทย ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สั่งสมอำนาจ มาจนแข็งแกร่ง เช่นทุกวันนี้ แต่อีกไม่นาน พลเอกประยุทธ์ ต้องออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน การชุมนุมของกลุ่ม ไทยไม่ทนที่ผ่านมา เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อย่างไรก็ประเมินจากสถานการณ์โควิด19 จึงรีบยุติชั่วคราว แต่เราจะทำต่อไปทางโซเชียลมีเดีย และจะแตกหักจริงในเดือนพฤษภาคม" จตุพรกล่าว
จตุพร ยังกล่าวถึง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.ด้วยว่า การรวมตัวของกลุ่มไทยไม่ทนครั้งนี้ หากณัฐวุฒิมาร่วมตั้งแต่ต้น พรรคพวกที่เคยร่วมสู้กับตนเมื่อปี 35 หรือ พวกคนที่เคยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์จะกระอักกระอ่วนใจ ไม่กล้าเข้ามาร่วม
"เราต้องให้เวลาเขาทำใจสักหน่อย การชุมนุมที่ผ่านมาเป็นเพียงการวอร์มอัพ เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น" จตุพรกล่าว