วันที่ 7 ธ.ค. ในการประชุมคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะ กมธ. เป็นประธานในการประชุม ได้มีการพิจารณากรณีปรากฏข่าวนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการ เป็นเหตุให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าอาจมีการใช้อำนาจก้าวก่ายหรือแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
ทั้งนี้ คณะ กมธ. ได้เชิญ นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงต่อ กมธ. โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเข้าชี้แจง
ในช่วงต้นของการประชุม ชัยชนะ กล่าวว่า กรณีที่พิจารณากันอยู่นี้ ไม่ใช่ความผิดตามเอกสาร แต่เป็นการพูดภายใต้จิตสำนึกสั่งการผ่านสมอง ด้วยถ้อยคำของ เศรษฐา ทวีสิน เอง ผู้ที่จะชี้แจงได้ดีที่สุดก็คือนายกรัฐมนตรี
"แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าประเทศชาติ คือการสัมมนาพรรคเพื่อไทย จึงได้มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีมาในวันนี้ ก็หวังว่าจะได้ชี้แจงตามประมวลกฎหมายตามที่จะพูดได้ หากท่านไม่ว่างมารัฐสภา กมธ. จะไปเจอท่านที่ทำเนียบรัฐบาลเอง เพื่อถามว่าสิ่งที่พูดผ่านจิตใต้สำนึกและเปล่งวาจาออกมาได้ยั้งคิดหรือไม่" ชัยชนะ กล่าว
สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ตอบชี้แจงว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจไม่ได้ทำได้ด้วยความอยากจะตั้งใครก็ตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบและแนวทางเอาไว้ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ จะต้องคำนึงถึงหลักคุณธรรม ความประพฤติ ความสามารถ ความเหมาะสม ข้าราชการการเมืองไม่สามารถไปแทรกแซงหรือก้าวก่ายกระบวนการโยกย้ายได้ เว้นแต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจกฎหมายเท่านั้น
ในส่วนคำพูดของนายกรัฐมนตรี หากวิพากษ์วิจารณ์กันไป อาจตีความได้หลายแง่ แล้วแต่การพิจารณา แต่ตนเองได้นำข้อมูลเชิงหลักการมาให้เกิดความกระจ่างชัดแล้ว โดยท่านนายกรัฐมนตรีและ สส. ก็ได้พูดในภาพรวมถึงความต้องการแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาหนี้นอกระบบ จึงได้กดดันให้นายกรัฐมนตรีหาคนดีมีคุณธรรม และมีความขาวสะอาดมาแก้ไขปัญหา
"นายกรัฐมนตรีจึงตอบว่า ท่านเองไม่สามารถตอบสนองทุกคนได้หมด แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ลงลึกว่าจะต้องเป็นบุคคลใด เพียงแต่พูดในภาพรวมว่าต้องการคนดีมีศีลธรรมมาแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ส่วนผู้คนจะคิดอย่างไรก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งต้องพิสูจน์ทราบในระบบกฎหมายในวันข้างหน้า" สมศักดิ์ กล่าว
จากนั้น ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ. สอบถามว่ารัฐบาลยังมีระบบตั๋วอยู่หรือไม่ และเหตุใดระดับนายกรัฐมนตรีจึงได้ กล่าวว่ามีทั้งผู้สมหวังและไม่สมหวัง ในเรื่องของการแต่งตั้งตำรวจในระดับผู้กำกับการ มีเจตนาอย่างไร
โดย สมศักดิ์ ได้หยิบยกคำสัมภาษณ์ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มายืนยัน ว่าตั้งแต่อยู่ในตำแหน่งมา ไม่เคยมีระบบตั๋ว และขอให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ รวมถึงคำกล่าวเปิดการประชุม ก.ตร. ของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. เพื่อยืนยันถึงเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรี
ต่อมา ณัฐพงษ์ ได้ถามต่อไปถึงกรณีแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมือง (ผกก.ตม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต ทำให้ นายชัยชนะ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ตอบคำถามเอง การแต่งตั้งโยกย้ายระดับผู้กำกับการหรือสารวัตร ก็เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องนี้จะมีนัยอย่างไรก็ต้องถามนายกรัฐมนตรี
"ที่ประชุมเห็นด้วยกับผมนะครับ เชื่อผมครับ พระเอกคือท่านนายกฯ" ชัยชนะ กล่าว
ทั้งนี้ ก่อนจบการชี้แจง ชัยชนะ ได้ย้ำว่า หวังว่านายกรัฐมนตรีจะมาตอบประเด็นนี้ด้วยตนเอง ท่านจะไม่ชี้แจงก็ได้ แต่คำพูดของท่านจะเป็นชนักติดตัวไปจนวันตาย คำแถลงของนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 27 ก.ย. จึงมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน เพราะท่านพูดถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดยไม่ได้กล่าวถึงปัญหายาเสพติด
พร้อมยกว่าอดีตหัวหน้าพรรคของท่าน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังเคยมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ ดังนั้น เศรษฐา จึงอย่าหนีการชี้แจง