ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ เผย แรงงานไทยในอิสราเอลดับเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 29 ราย ถูกจับตัวประกันเพิ่มอีก 1 รับตัวเจรจาช่วยตัวประกันมีทิศทางดีขึ้นแม้จะยังไม่ปล่อยตัว เผยไร้ปมนายจ้างบังคับแรงงานทำงาน หลังย้ำทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดูแล-ลั่นแต่งตั้งนายตำรวจ ได้รับคำชมเป็นครั้งที่ดีที่สุด

วันนี้ (16 ตค.) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงสถานการณ์แรงงานไทยในอิสราเอล ที่อาคารรับรองพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยถูกจะเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 1 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งสถานการณ์ไม่ได้เบาบางลงไปยังอยู่ในขั้นวิกฤตเหมือนเดิม

ส่วนเที่ยวบินที่รับแรงงานไทยกลับล่าสุดได้รับว่าแจ้งว่าจะเดินทางกลับแต่ไม่สามารถเดินทางมาได้ 6 คน ซึ่งไม่สามารถติดต่อได้คาดว่าจะอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงจึงยังไม่สามารถเดินทางออกมาได้ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีการประชุมวันนี้ในเวลา 16:00 น. ซึ่งเป็นช่วงจังหวะเวลาที่ตนเดินทางถึงกรุงปักกิ่งก็จะทราบความคืบหน้า จึงได้สั่งการไปว่าให้หาเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้น เพื่ออพยพคนทั้ง 7,000 คนให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ 

เมื่อถามว่าเรื่องตัวประกันขณะนี้มีสัญญาณบวกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มี ก็จะพยายามทำทุกวิถีทาง แต่มีความคืบหน้าที่ดีขึ้นในแง่ของการเจรจา เมื่อถามว่าสถานการณ์การสู้รบยังยืดเยื้อขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตของคนไทยก็เพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอยู่ จึงได้สั่งการให้นำคนของเราออกมาโดยเร็วที่สุดส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องรอง ขณะที่เรื่องการช่วยตัวประกันก็เป็นเรื่องที่สำคัญ

ส่วนกรณีที่พบว่านายจ้างบังคับให้แรงงานทำงานแม้จะอยู่ในภาวะสงคราม นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ไม่มีแล้ว และเรื่องนี้ได้เงียบหายไปแล้ว เราได้มีการสั่งการไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมประสาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยว่าเรื่องนี้เรารัยไม่ได้ ขออย่าให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย จะมาบังคับทำงานไม่ถูกต้อง ซึ่งเอกอัครราชทูตอิสราเอลฯก็รับปากจะดูแลเรื่องนี้ให้

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การประชุม ก.ตร. เพื่อพิจารณาแต่งตั้งนายตำรวจระดับผู้บัญชาการ ว่าผ่านไปได้ด้วยดีผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นอดีตข้าราชการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังชม ว่าการแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งครั้งที่ดีที่สุด เพราะได้คำนึงถึงความอาวุโส ความเหมาะสมความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี พร้อมขอชื่นชมผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและกรรมการกลั่นกรอง ที่ทำงานมาได้ด้วยดี