บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป ร่วมทุนกับ บริษัท แสนสิริ เตรียมลงทุนอสังหาริมทรัพย์ มากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี ตั้งเป้าปีหน้า เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียม ตามแนวรถไฟฟ้า 2-3 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ลงนามในข้อตกลงร่วมทุนกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บนที่ดินตามแนวรถรถไฟฟ้า โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 50:50 โดยในความร่วมมือนี้ ทั้ง 2 บริษัท มีแผนเปิดตัวคอนโดมีเนียมในปีหน้า ในทำเลใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิต มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม ตามแนวรถไฟฟ้าอีก 2-3 โครงการ มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนใน 3 ปี เตรียมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ มากกว่า 3 หมื่นล้านบาท สำหรับแบรนด์ของโครงการร่วมทุนนี้ อยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปีหน้านี้เช่นกัน
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าทั้งหมด 30 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูง ในการนำมาพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ และมั่นใจในศักยภาพของแสนสิริ ที่จะช่วยพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตได้ คาดว่าหลังจากเปิดตัวโครงการแรก จะเห็นความชัดเจนของรายได้ภายใน 30 เดือน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้ ทำให้แสนสิริเข้าถึงที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการได้มากขึ้น และยังสามารถแชร์ข้อมูลของผู้บริโภคในกลุ่มคนเมือง เพื่อนำมาพัฒนาโครงการต่อได้ รวมถึงการทำโฆษณา ที่บีทีเอสมีความชำนาญและมีช่องทางการเผยแพร่ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเรื่องโฆษณาไปด้วย
สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามแนวโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในอนาคต ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของรัฐบาลในการเริ่มก่อสร้างแต่ละเส้นทาง ส่วนที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าในปัจจุบันมีจำนวนจำกัดมากขึ้น และมีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการยังชะลอการลงทุนออกไปบ้าง จึงคาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯในปีหน้า จะไม่เติบโตมากนัก โดยภาคอสังหาฯจะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัว แต่การแข่งขันยังคงสูง
ส่วนกำไรสุทธิในปีนี้ คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 1 พัน 9 ร้อยล้านบาท แม้รายได้อาจจะพลาดเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการเป็นจำนวนมาก ซึ่งทั้งปี 57 จะรับรู้รายได้ประมาณ 2 หมื่น 9 พันล้านบาท จากยอดขายรอโอน หรือ Backlog ที่มีอยู่ 5 หมื่น 2 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯไปจนถึงปี 2560
ประกอบกับ บริษัทได้รับผลประโยชน์จากความร่วมมือกับ BTS ด้านต้นทุนค่าโฆษณาที่ลดลง เนื่องจากได้รับการเอื้อประโยชน์จาก "วีจีไอ โกลบอล มีเดีย" บริษัทลูกของ BTS ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ อัตรากำไรสุทธิของบริษัทจะเพิ่มขึ้นมาที่ 12% จากปีก่อนอยู่ที่ 6.65%
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ เปิดเผยว่า ยอดขายในปีนี้ของแสนสิริ จะออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 หมื่นล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกของปีนี้ทำได้เพียง 7 พัน 7 ร้อยล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประกอบกับ บริษัทเปิดโครงการใหม่ต่ำกว่าแผนที่ตั้งไว้ 19 โครงการ รวมมูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท หลังจากปรับนโยบายมาเปิดขายโครงการที่ได้รับใบอนุญาตการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ แล้วเท่านั้น ทำให้โครงการไหม่ที่อยู่ระหว่างการรออนุมัติอีไอเอ ต้องเลื่อนเปิดขายออกไปเป็นปี หน้า (58)
ปัจจุบันแสนสิริ เป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรของไทย ที่มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โครงการกว่า 280 โครงการ จำนวนที่อยู่อาศัยกว่า 28,000 ครัวเรือน ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 15 จังหวัด