รายการ คิดเล่นเห็นต่างกับคำผกา ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2555
ได้แต่ปวารณาตัวไว้ว่าใช้หนี้เวรหนี้กรรมหมดสิ้นเมื่อใด ก็จะขอเกิดเป็นไทยอีก จะมาขอพึ่งใบบุญแม่โพสพสร้างชีวิตใหม่อีก จะขอพบพระพุทธศาสนาอีก จะขอพูดจาภาษาไทยเหมือนอย่างที่บรรพบุรุษหนึ่งพันชั่วโคตรได้พูดจากกันมานับพันนับหมื่นปีอีก
รายการคิดเล่นเห็นต่างกับคำผกาค่ำคืนนี้ เราได้หยิบยกเรื่องราวของ "ตำนานเสาไห้" ซึ่งผู้แต่งคือแดนอรัญ แสงทอง นักเขียนไทยคนแรกและคนเดียวได้รับการอวยยศให้เป็น "อัศวิน" ได้รับอิสริยาภรณ์ในลำดับชั้น Chevalier De L"Ordre Des Arts Des Lettres จากกระทรวงวัฒนธรรมและการสื่อสารของประเทศฝรั่งเศส มาเป็นหัวข้อในการสนทนากันในวันนี้
นางตะเคียน ตามตำนานปรัมปราของไทยได้บอกว่า นางตะเคียนเป็นดวงวิญญาณหญิงสาวที่สิงสถิตย์อยู่ในต้นตะเคียน ซึ่งมักจะแสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารให้ชาวบ้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้ประจักษ์อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้องไห้ของหญิงสาวที่ดังแว่วมาในเพลาพลบค่ำบ้างล่ะ การปรากฏกายให้ผู้ที่จะมาตัดไม้ตะเคียนได้เห็นจนหวาดกลัวขนลุกขนชันก็มี แต่นั่นเป็นความน่ากลัวที่เราได้ยินได้ฟังกันมาแต่ครั้งก่อน หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะทราบได้ทันทีว่าผู้เขียน ผู้เขียนต้องการจะบรรยายความงามของวิญญาณดวงนี้ ดังข้อความ "แต่ด้วยบุญญาภินิหารแม่นางจึงครอบครองความเป็นสาวและสวยนะแน่งไว้ชั่วกาลนานมีเกศายาวสลวยดำขลับวะวาวดั่งขนแห่งนกกาน้ำ ตางามดั่งตาทราย คิ้วโก่งดั่งคันศรแห่งกามเทพ ริมฝีปากแดงดั่งดอกกุหลาบ ฟันขาวดั่งไข่มุข หูดั่งหอยสังข์ แขนสละสลวยดั่งต้นอ้อย ขากลมกลึงเรียวงามดังต้นกัทลีในป่าสีมรกตแห่งแดนหิมพานต์ เท้าอวบอิ่มอ่อนนุ่ม ทรวงเต่งตูมดั่งดอกบัวตูมสองดอกที่อยู่เคียงคู่กัน จมูกงามเหมือนดอกไม้ไร้ชื่อ มือทั้งสองงามเหมือนช่อดอกไม้..." เป็นการพรรณนาให้เราสามารถมองเห็นภาพตามได้ทันที จนผู้เขียนได้เขียนทิ้งท้ายไว้ในคำตามของหนังสือเล่มนี้ว่า หากมีใครถามฉันว่า "ในฐานะนักเขียน คุณได้เขียนเรื่องอะไรมาบ้าง" ฉันจะตอบว่า "ตำนานเสาไห้" ถ้าเขาถามฉันอีกว่า "เรื่องเดียวเท่านั้นรึ" ฉันจะตอบว่า "เรื่องเดียวเท่านั้น"
คืนนี้เราจึงนำประเด็นนี้มาคิดเล่นเห็นต่างให้เห็นถึงความงดงามของนิยายสั้นเรื่องนี้ ติดตามกันให้ได้นะคะ