3 บรรษัทด้านเทคโนโลยีและการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกจับมือกัน จัดตั้งกองทุนเพื่อมอบสวัสดิการด้านสุขภาพให้กับพนักงานของบริษัทของตนในสหรัฐฯ สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวงการสาธารณสุข หลายฝ่ายหวั่นใจว่าจะถูกแบ่งสัดส่วนทางการตลาดครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยา
เว็บไซต์ FORTUNE รายงานว่า 'แอมะซอน' ผู้นำอีคอมเมิร์สรายใหญ่ของสหรัฐฯ 'เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์' บริษัทด้านการลงทุนของนักลงทุนชื่อก้องโลก นายวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์ และ 'เจพี มอร์แกน เชส' สถาบันผู้ให้บริการด้านการเงินระดับท็อป 10 ของโลก ประกาศความร่วมมือกันครั้งใหญ่ในการสร้างกองทุนแบบไม่หวังผลกำไรเพื่อมอบสวัสดิการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพและราคาเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับพนักงานของบริษัทในสหรัฐฯ
ผู้บริหารของทั้ง 3 บริษัทชี้ว่ากองทุนด้านสุขภาพที่ร่วมกันจัดตั้งขึ้นจะนำเทคโนโลยีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อมอบสวัสดิการด้านสาธารณสุขให้กับพนักงานและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินจำนวนมากเกินกำลังอีกต่อไป
นายบัฟเฟ็ตต์ ประธานบริหารและ CEO ของบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ กล่าวในแถลงการณ์ร่วมกับอีก 2 บริษัทว่า ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และสาธารณสุขในปัจจุบันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากและไม่มีทีท่าว่าจะลดลงนั้นเปรียบเสมือนกับการบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศที่เม็ดเงินจำนวนมหาศาลถูกดูดออกไปเรื่อยๆ ซึ่งเขารู้ดีว่าการตัดสินใจสร้างกองทุนนี้ขึ้นมายังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาระบบประกันสุขภาพและสวัสดิการสาธารณสุขได้แบบเต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่เขารับไม่ได้ก็คือการนิ่งดูดายและไม่ลุกขึ้นทำอะไรเลย
หลังการประกาศความร่วมมือกันของทั้ง 3 บริษัท ส่งผลทำให้มูลค่าดัชนีหุ้นของบริษัทคู่แข่งด้านเวชภัณฑ์และสุขภาพอื่นๆร่วงลงทันที ไม่ว่าจะเป็นหุ้นของบริษัทสินค้าเพื่อสุขภาพอย่าง CVS Health ที่ปรับตัวลดลง 4.15% บริษัท Walgreen Boots ปรับลดลง 5.18% และบริษัท Express Scripts Holding ปรับลดลง 3.20% และร่วงอีกราว 4.5% - 6% ในตลาดการซื้อขายล่วงหน้า
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้นักวิเคราะห์ทั่วโลกจับตาไปที่อีกหนึ่งบริษัทเทคโนโลยีที่ก้าวเข้ามาร่วมโปรเจ็คใหญ่ด้านสุขภาพในครั้งนี้อย่าง 'แอมะซอน' ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแอมะซอนอาจจะกำลังต้องการเข้ามาบุกตลาดด้านการขายเวชภัณฑ์หรือยาที่ต้องจำหน่ายตามใบสั่งแพทย์อีกด้วย สร้างความหวั่นใจให้กับบริษัทผู้ค้าปลีกและส่งยาทั่วโลกว่าหลังจากนี้ไปจะต้องโดนแอมะซอน ยักษ์ใหญ่ด้านการขายสินค้าออนไลน์ของโลก เข้ามาแบ่งสัดส่วนทางการตลาดในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมยาทั่วโลก
ด้านนายเจฟฟ์ เบซอส CEO และผู้ก่อตั้งบริษัทแอมะซอนให้ความเห็นกับเรื่องนี้ว่าอุตสาหกรรมยาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนอย่างมาก การเข้ามาบุกตลาดนี้จะถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับแอมะซอน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญและทีมงานมากประสบการณ์เข้ามาช่วยนำพาแอมะซอนเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ฉะนั้นตอนนี้สิ่งที่เขาคาดหวังยังอยู่เพียงช่วงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ถึงกลไกต่างๆ ในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพเท่านั้น
ส่วนการจัดตั้งกองทุนเพื่อมอบสวัสดิการด้านสถขภาพให้กับพนักงานของทั้ง 3 บริษัท ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงแรกของกาวางแผนรายละเอียดต่างๆ ร่วมกันของ 3 บริษัท โดยมีบุคคลสำคัญที่จะเข้ามาวางแผนและประสานงานคือ
- นายทอดด์ โคมส์ เจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนจาก 'เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์'
- นายมาร์เวลล์ ซัลลิแวน เบิร์ชโทลด์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ 'เจพี มอร์แกน เชส'
- นายเบธ กาเลทที รองประธานอาวุโสจาก 'แอมะซอน'