แอปเปิลรายได้ดีเกินคาด จากราคาไอโฟนที่แพงขึ้น
แม้ว่าในปีนี้ แอปเปิลจะขาย iPhone ได้น้อยลง แต่กลับมีรายได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาย iPhone ในราคาที่สูงขึ้นกว่าเดิม
บริษัทแอปเปิลเปิดเผยรายได้ในช่วงไตรมาสล่าสุด ซึ่งสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน แอปเปิลมีรายได้ 53,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว1,700,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ผลกำไรก็เพิ่มเป็น 11,500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3 แสน 8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 32 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งข่าวรายได้ที่ดีเกินคาดของแอปเปิลได้ส่งให้ราคาหุ้นของแอปเปิลเพิ่มขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ด้วย และช่วยให้แอปเปิลเข้าใกล้การเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์มากขึ้นไปอีกขั้น
ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แอปเปิลขายไอโฟนไปทั้งหมดจำนวน 41,300,000 เครื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าราคาขายของไอโฟนที่แพงขึ้นเป็นสิ่งที่ช่วยให้รายได้ของแอปเปิลสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยตอนนี้ราคาไอโฟนที่วางจำหน่ายอยู่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 724 ดอลลาร์ หรือประมาณ 24,000 บาท ซึ่งไอโฟน 10 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยราคาสูงถึง 999 ดอลลาร์ หรือราว 33,000 บาท ยังคงเป็นไอโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
หัวเว่ย ยอดขายพุ่ง 15 เปอร์เซ็นต์ในครึ่งปีแรก
ด้านสมาร์ตโฟนจากประเทศจีนอย่าง 'หัวเว่ย (Huawei)' ก็ทำเงินได้ดีไม่แพ้กัน โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หัวเว่ยมีรายได้สูงขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ทำรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 48,000 ล้านดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยราว 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น หัวเว่ยมองว่าเป็นผลมาจากการพัฒนาประสิทธิภาพของสมาร์ตโฟน อุปกรณ์สื่อสารอื่น ๆ รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง
บริษัทหัวเว่ย ถือเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสมาร์ตโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก โดยการสำรวจตลาดสมาร์ตโฟนเมื่อปี 2017 พบว่า เจ้าของอันดับ 1 ตลาดสมาร์ตโฟนยังคงเป็น บริษัท ซัมซุง จากเกาหลีใต้ ตามมาด้วยบริษัทแอปเปิล ในครึ่งหลังของปีนี้ หัวเว่ยยังเตรียมปล่อยสมาร์ตโฟนรุ่นแฟล็กชิพของปีนี้อีกรุ่นหนึ่ง นั่นก็คือ หัวเว่ย เมต ซึ่งคาดว่าน่าจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราว ๆ 24,000 บาท และจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคมปีนี้
เฟซบุ๊กเผชิญปัญหาในการตั้งศูนย์นวัตกรรมที่จีน
หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เฟซบุ๊กได้ประกาศว่าจะก่อตั้งศูนย์พัฒนานวัตกรรมในเมืองหางโจว ประเทศจีน แต่ไม่ทันไรก็ดูเหมือนกำลังประสบปัญหาด้านกฎหมายเสียแล้ว เนื่องจากทางการจีนกล่าวว่าเฟซบุ๊กยังไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจในจีน และแม้ว่าบริษัทจะติดต่อทำสัญญากับหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องในเมืองหางโจวแล้ว แต่ยังไม่ได้มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้น ภาพที่เผยข้อมูลเกี่ยวกับการจดทะเบียนศูนย์นวัตกรรมของเฟซบุ๊กที่เมืองหางโจวยังถูกลบออกจากเว็บไซต์ไปแล้ว ซึ่งขณะนี้ เฟซบุ๊กยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับกรณีนี้
แม้ว่าเฟซบุ๊กจะถูกแบนในประเทศจีน แต่บริษัทยังคงพยายามหาทางเจาะตลาดจีนมาโดยตลอด เพราะตลาดอินเทอร์เน็ตของจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียมากกว่า 772 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ทางการจีนมีการควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียอย่างเข้มงวด ซึ่งไม่ใช่แค่เฟซบุ๊กที่ถูกแบนเท่านั้น แต่ทวิตเตอร์และกูเกิลก็ถูกจำกัดการใช้งานในจีนด้วยเช่นกัน