แอปเปิลครองตลาดสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม
แม้ว่าตอนนี้ ไอโฟน ของแอปเปิล จะมียอดขายทั่วโลกตกลงมาจากอันดับ 2 เป็นอันดับ 3 แต่ว่าเมื่อพิจารณาจากยอดขายสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียมแล้ว แอปเปิลยังคงครองอันดับ 1 อยู่ ซึ่งรายงานการจำหน่ายสมาร์ตโฟนทั่วโลกในไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว ระบุว่า ยอดขายสมาร์ตโฟนทั่วโลกลดลง 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ยอดขายสมาร์ตโฟนกลุ่มพรีเมียม หรือ สมาร์ตโฟนที่มีราคาเกิน 400 ดอลลาร์ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยปรับตัวสูงขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ หรือก็คือโตกว่าปีก่อนหน้า 19 เปอร์เซ็นต์ โดยสมาร์ตโฟนในกลุ่มพรีเมียมนั้น ไอโฟนเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของผู้บริโภค กับยอดขายที่สูงถึงครึ่งหนึ่งของทั้งหมด โดยมีซัมซุงตามมาเป็นอันดับ 2 กับสัดส่วนยอดขาย 22 เปอร์เซ็นต์
ตลาดสมาร์ตโฟนกลุ่มพรีเมียมสามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีกหลายกลุ่ม ตามระดับราคา ตั้งแต่ 400-600 ดอลลาร์ , 600-800 ดอลลาร์ และเกิน 800 ดอลลาร์ จึงเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า ยิ่งราคาสมาร์ตโฟนแพงขึ้นเท่าไร ไอโฟนยิ่งครองส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเท่านั้น เช่นสมาร์ตโฟนที่มีราคาเกิน 800 ดอลลาร์ หรือ 26,000 บาทนั้น ไอโฟนครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 79 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มราคา 600-800 ดอลลาร์ ไอโฟนและซัมซุงครองส่วนแบ่งตลาดร่วมกันที่ 82 เปอร์เซ็นต์
ที่ผ่านมา แอปเปิลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ตั้งราคาไอโฟนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ยอดขายไอโฟนทั่วโลกลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม ผลกำไรของแอปเปิลกลับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสัดส่วนกำไรจากการขายไอโฟนต่อเครื่องมากกว่าเดิม
เน็ตฟลิกซ์เลิกรับค่าสมาชิกบางส่วนผ่านไอโอเอส
เน็ตฟลิกซ์ปิดไม่ให้สมาชิกใหม่จ่ายเงินค่าสมาชิกผ่าน แอปสโตร์ ของระบบปฏิบัติการไอโอเอสแล้ว โดยสมาชิกใหม่จะต้องจ่ายค่าสมาชิกผ่านเว็บไซต์ของเน็ตฟลิกซ์เท่านั้น ซึ่งรวมทั้งสมาชิกเก่าที่หยุดจ่ายค่าสมาชิกนานกว่า 1 เดือน และจะกลับมาจ่ายค่าสมาชิกอีกครั้ง ก็ต้องจ่ายผ่านเว็บไซต์โดยตรงด้วยเหมือนกัน ขณะที่ สมาชิกเก่าที่จ่ายค่าสมาชิกโดยไม่มีการหยุด ยังคงสามารถจ่ายผ่านแอปสโตร์ของไอโอเอสได้เหมือนเดิม
เน็ตฟลิกซ์เคยแสดงท่าทีมาหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 ว่าอาจยุติการให้สมาชิกจ่ายเงินค่าสมาชิกผ่านทางแอปสโตร์ เพราะไม่ต้องการถูกหักรายได้ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้กับแอปเปิล แม้ว่าภายหลังแอปเปิลจะยอมลดการหักรายได้ลงมาอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เน็ตฟลิกซ์เปลี่ยนแนวทางได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ สปอติฟาย ผู้ให้บริการสตรีมเพลงออนไลน์ ก็ยุติการจ่ายเงินค่าสมาชิกผ่านแอปสโตร์ไปเมื่อปี 2015
สมาร์ตวอตช์ 'หลุยส์ วิตตอง' อัปเกรดใหม่
สมาร์ตวอตช์ หลุยส์ วิตตอง รุ่น Tambour Horizon ได้รับการอัปเกรดชิปใหม่เป็น Snapdragon Wear 3100 ทำให้ตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่าเดิม สามารถใช้งานเต็มฟังก์ชันได้ 1 วันเต็ม และถ้าใช้ดูเวลาอย่างเดียว แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานถึง 5 วัน ส่วนหน้าจอก็ได้รับการอัปเกรด โดยทีมออกแบบของ หลุยส์ วิตตอง ได้ปรับให้หน้าจอมีความละเอียดสูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า และมาพร้อมวงแหวน 24 ชั่วโมง ที่มีตัวบอกเวลากลางวันและกลางคืนที่ขอบ และมีโหมดแอมเบียนต์ ที่แสดงเวลาและข้อมูลการวัดค่าต่าง ๆ เช่น อัตราการเต้นหัวใจ หรือ จำนวนก้าวเดินได้ โดยทั้งหมดนี้ จะใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิม ทำให้สมาร์ตวอตช์ Tambour Horizon ที่ปรับปรุงใหม่ มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม และใช้งานได้นานขึ้น
ส่วนดีไซน์ภายนอกยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง และรักษาความหรูหราที่เหมือนเดิมเอาไว้ โดยตอนนี้ หลุยส์ วิตตอง ยังไม่ประกาศราคาใหม่ของ Tambour Horizon แต่คาดว่าน่าจะไม่ปรับลงต่ำไปกว่ารุ่นก่อนหน้า ที่เริ่มต้นที่ 2,450 ดอลลาร์ หรือประมาณ 79,000 บาท