เป็นครั้งแรกที่เครื่องบิน แอร์บัส เอ350-1000 ได้มาเยือนประเทศไทย เพื่อสาธิตการบินและจอดจัดแสดง โดยหลังจากที่เครื่องบินเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้ทำการบินเที่ยวบินพิเศษเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมงในช่วงบ่าย โดยมีตัวแทนจากทั้งภาครัฐ สายการบิน หน่วยงานด้านการบิน รวมถึงสื่อมวลชนมาร่วมชม ซึ่งการมาเยือนในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสาธิตเครื่องบินรุ่น เอ350-1000 ไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นระยะเวลาสามสัปดาห์
โดยแอร์บัส เอ350-1000 เป็นเครื่องบินที่ลำตัวกว้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเภทสองช่องทางเดินของแอร์บัส และมีความยาวถึง 73.78 เมตร ซึ่งยาวกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง แอร์บัส เอ350-900 ถึง 7 เมตร ทำให้พื้นที่ห้องโดยสารมีขนาดกว้างขึ้น จุผู้โดยสารได้มากถึง 366 ที่นั่ง และที่สำคัญยังเป็นเครื่องบินระยะไกลอย่างแท้จริง ด้วยพิสัยการบิน 8,000ไมล์ทะเล หรือราว 14,800กิโลเมตร จึงสามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยุโรปหรืออเมริกาเหนือได้โดยไม่ต้องแวะพักเลยทีเดียว
นอกจากนี้ เอ350-1000 ยังใช้วัสดุเกรดพรีเมียมที่ใช้ในเครื่องบินระดับสูงในสายผลิตภัณฑ์ของแอร์บัสโดยเฉพาะคล้ายกับ เอ350-900 โดยมีระบบอะไหล่เดียวกันถึงร้อยละ 95 รวมถึงใช้ใบอนุญาตการทำการบินของนักบินแบบเดียวกันด้วย ที่สำคัญ เอ350-1000 ยังมีจุดเด่นที่ชายปีก เพราะได้ปรับแต่งชุดล้อหลักหกล้อ และตัวเครื่องบินยังใช้เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เทรนท์-97 ที่มีกำลังมากขึ้น พร้อมใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 25 เปอร์เซ็นต์ และลดต้นทุนในการผลิตและเชื้อเพลิงเมื่อเมื่อเทียบกับเครื่องบินในยุคก่อน
สำหรับห้องโดยสารของ เอ350-1000 ที่นำมาแสดงให้คุณผู้ชมได้เห็นอยู่นี้ เป็นลำทดสอบที่ติดตั้งห้องโดยสารเต็มรูปแบบ โดยแบ่งเป็น ชั้นคอมฟอร์ตอีโคโนมี 219 ที่นั่ง / ชั้นอีโคโนมีพลัส 36 ที่นั่ง / ชั้นธุรกิจ 40 ที่นั่ง และที่สำคัญตลอดทั้งเที่ยวบิน ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินกับความบันเทิงเต็มรูปแบบ ภายในห้องโดยสารที่เงียบที่สุด มีการถ่ายเทอากาศภายในทุก ๆ 2 - 3 นาที และติดตั้งระบบเพิ่มความชื้นในชั้นธุรกิจและเฟิร์สคลาส ซึ่งจะสร้างประสบการณ์เหมือนนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
และนอกเหนือจากความสะดวกสบายของเครื่องบินลำนี้แล้ว ก็คือการจำลองบรรยากาศบนเครื่องบินในทุกช่วงของการเดินทาง ด้วยผนังที่มีจำนวนสีถึง 16.7 ล้านสี ทำให้สายการบินสามารถสร้างสรรค์สีของแสงไฟ เพื่อสร้างบรรยากาศได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะจำลองความสว่างของพระอาทิตย์ขึ้น และปิดไฟมืดสนิทในเวลากลางคืน เพื่อลดการสับสนเวลาจากการเดินทาง หรือที่เรียกว่า Jetlag ได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าพื้นที่ของโซนอีโคโนมีนั้นดูกว้างขวางกว่าปกติ ซึ่งเป็นผลมาจากการนำที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะตรงกลางออกไป และในขณะเดียวกันยังเพิ่มพื้นที่ความจุกระเป๋าสำหรับถือขึ้นเครื่อง 2 ใบต่อ 1 คนในชั้นธุรกิจอีกด้วย
นอกจากนั้น มดยังได้ไปสำรวจห้องนักบิน ซึ่งก็พบว่าที่นี่มีการใช้ระบบป้องกันการออกนอกทางวิ่งในทุกสภาพอากาศ และใช้ระบบจอสัมผัสเป็นครั้งแรกในเครื่องบินลำตัวกว้าง ทำให้นักบินใช้งานง่ายยิ่งขึ้น